น้ำหนักที่เหมาะสมที่ควรเพิ่มในแต่ละไตรมาส
บทนำ
การเพิ่มน้ำหนักระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องปกติและสำคัญต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มน้ำหนักควรอยู่ในช่วงที่เหมาะสมเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง หรือภาวะน้ำหนักตัวของทารกแรกเกิดที่ผิดปกติ บทความนี้จะช่วยคุณแม่เข้าใจถึงน้ำหนักที่ควรเพิ่มในแต่ละไตรมาส และวิธีควบคุมน้ำหนักอย่างเหมาะสมระหว่างตั้งครรภ์
เนื้อหา
1. ทำไมการเพิ่มน้ำหนักถึงสำคัญ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์มีส่วนช่วยในการ:
- พัฒนาการของทารก: น้ำหนักที่เหมาะสมช่วยให้ทารกได้รับสารอาหารและพัฒนาร่างกายอย่างสมบูรณ์
- การเตรียมตัวของร่างกายคุณแม่: น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาจากปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้น น้ำคร่ำ และการสะสมพลังงานสำหรับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หลังคลอด
- ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน: น้ำหนักที่เหมาะสมช่วยลดโอกาสของการคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดต่ำ หรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพของทารก
2. น้ำหนักที่ควรเพิ่มในแต่ละไตรมาส การเพิ่มน้ำหนักในระหว่างตั้งครรภ์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับดัชนีมวลกาย (BMI) ของคุณแม่ก่อนตั้งครรภ์ โดยทั่วไป แบ่งเป็น 3 ช่วงไตรมาส ดังนี้:
- ไตรมาสที่ 1 (สัปดาห์ที่ 1-13)
น้ำหนักที่ควรเพิ่ม: ประมาณ 0.5-2 กิโลกรัม
ในช่วงนี้ ร่างกายเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ น้ำหนักส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากปริมาณเลือดและการสะสมไขมันเล็กน้อย - ไตรมาสที่ 2 (สัปดาห์ที่ 14-27)
น้ำหนักที่ควรเพิ่ม: ประมาณ 0.4-0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์
ในช่วงนี้ ทารกจะเริ่มเติบโตเร็วขึ้น น้ำหนักที่เพิ่มมาจากการพัฒนาของทารก น้ำคร่ำ และการสะสมไขมันที่มากขึ้น - ไตรมาสที่ 3 (สัปดาห์ที่ 28-40)
น้ำหนักที่ควรเพิ่ม: ประมาณ 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเจริญเติบโตของทารกอย่างรวดเร็ว
น้ำหนักรวมที่ควรเพิ่มตลอดการตั้งครรภ์
- หาก BMI ต่ำกว่า 18.5: ควรเพิ่มน้ำหนัก 12.5-18 กิโลกรัม
- หาก BMI 18.5-24.9 (ปกติ): ควรเพิ่มน้ำหนัก 11.5-16 กิโลกรัม
- หาก BMI 25-29.9 (น้ำหนักเกิน): ควรเพิ่มน้ำหนัก 7-11.5 กิโลกรัม
- หาก BMI มากกว่า 30 (อ้วน): ควรเพิ่มน้ำหนัก 5-9 กิโลกรัม
3. วิธีควบคุมน้ำหนักอย่างเหมาะสม
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
เน้นอาหารที่มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และโปรตีนไขมันต่ำ - หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแคลอรีสูงแต่ไร้คุณค่า
เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม และอาหารทอด - ออกกำลังกายเบา ๆ
การเดินเร็วหรือโยคะช่วยควบคุมน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ - ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำช่วยลดความอยากอาหารเกินความจำเป็นและช่วยในการย่อยอาหาร - แบ่งมื้ออาหาร
กินอาหารมื้อเล็กแต่บ่อยครั้งช่วยควบคุมน้ำหนักและลดอาการกรดไหลย้อน
4. ผลกระทบของการเพิ่มน้ำหนักมากหรือน้อยเกินไป
- น้ำหนักเพิ่มมากเกินไป
อาจเพิ่มความเสี่ยงของ:- โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
- ความดันโลหิตสูง
- การคลอดยาก หรือการต้องผ่าคลอด
- น้ำหนักเพิ่มน้อยเกินไป
อาจเพิ่มความเสี่ยงของ:- ทารกน้ำหนักแรกเกิดต่ำ
- การคลอดก่อนกำหนด
- การเจริญเติบโตของทารกที่ไม่สมบูรณ์
สรุป
การเพิ่มน้ำหนักระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของคุณแม่และทารก การรู้จักคำนวณน้ำหนักที่ควรเพิ่มในแต่ละไตรมาสและการดูแลโภชนาการอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย การตรวจสุขภาพประจำเดือนและปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนักจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการคลอดและการเลี้ยงลูกอย่างมีความสุข