อาการเจ็บครรภ์หลอก (Braxton Hicks) กับอาการเจ็บครรภ์จริง

อาการเจ็บครรภ์หลอก (Braxton Hicks) กับอาการเจ็บครรภ์จริง

by babyandmomthai.com

อาการเจ็บครรภ์หลอก (Braxton Hicks) กับอาการเจ็บครรภ์จริง


บทนำ
ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ คุณแม่อาจเริ่มรู้สึกถึงอาการบีบตัวของมดลูกที่เรียกว่า “อาการเจ็บครรภ์หลอก” หรือ Braxton Hicks ซึ่งอาจทำให้คุณแม่สับสนว่าเป็นสัญญาณของการคลอดจริงหรือไม่ อาการเจ็บครรภ์หลอกเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเพื่อเตรียมร่างกายสำหรับการคลอด อย่างไรก็ตาม การแยกความแตกต่างระหว่างอาการเจ็บครรภ์หลอกและอาการเจ็บครรภ์จริงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณแม่สามารถรับมือและเตรียมตัวสำหรับการคลอดได้อย่างถูกต้อง


เนื้อหา

1. อาการเจ็บครรภ์หลอก (Braxton Hicks)

1.1 อาการของเจ็บครรภ์หลอก

  • การบีบตัวของมดลูกที่ไม่สม่ำเสมอ
  • ความรู้สึกตึงหรือแข็งที่หน้าท้อง แต่ไม่ปวดรุนแรง
  • ระยะเวลาของการบีบตัวสั้น (ไม่เกิน 30-60 วินาที)
  • อาการจะหายไปเมื่อคุณแม่เปลี่ยนท่าทางหรือพักผ่อน

1.2 สาเหตุของอาการเจ็บครรภ์หลอก

  • มดลูกเริ่มฝึกซ้อมสำหรับการคลอด
  • การดื่มน้ำน้อย การเคลื่อนไหวมากเกินไป หรือความเครียดอาจกระตุ้นอาการ

2. อาการเจ็บครรภ์จริง

2.1 อาการของเจ็บครรภ์จริง

  • การบีบตัวของมดลูกที่สม่ำเสมอและถี่ขึ้นเรื่อยๆ
  • ความรู้สึกปวดร้าวเริ่มจากหลังส่วนล่างลามมาที่หน้าท้อง
  • ระยะเวลาของการบีบตัวนานขึ้นและความเจ็บปวดเพิ่มขึ้น
  • อาการไม่หายไปแม้จะเปลี่ยนท่าทางหรือพักผ่อน

2.2 สัญญาณเพิ่มเติมที่บ่งบอกการคลอด

  • น้ำเดิน (ถุงน้ำคร่ำแตก)
  • มีมูกปนเลือดออกจากช่องคลอด
  • รู้สึกว่าทารกเคลื่อนตัวลงต่ำ

3. ความแตกต่างระหว่างเจ็บครรภ์หลอกและเจ็บครรภ์จริง

ลักษณะ เจ็บครรภ์หลอก (Braxton Hicks) เจ็บครรภ์จริง
ความสม่ำเสมอ ไม่สม่ำเสมอ สม่ำเสมอและถี่ขึ้น
ระยะเวลาของการบีบตัว สั้น (30-60 วินาที) นานขึ้นเรื่อยๆ (45-90 วินาที)
ความเจ็บปวด ไม่รุนแรง รุนแรงและเพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงเมื่อพักผ่อน หายไปเมื่อเปลี่ยนท่าทางหรือพัก ยังคงมีอยู่แม้พักผ่อน
สัญญาณอื่นร่วมด้วย ไม่มี น้ำเดินหรือมูกปนเลือด

4. วิธีรับมือกับอาการเจ็บครรภ์หลอก

4.1 การพักผ่อนและการเปลี่ยนท่าทาง

  • หากรู้สึกถึงอาการเจ็บครรภ์หลอก ให้ลองเปลี่ยนท่าทาง เช่น จากการนั่งเป็นการเดินเบาๆ หรือจากการยืนเป็นการนอน

4.2 การดื่มน้ำให้เพียงพอ

  • การดื่มน้ำช่วยลดการบีบตัวของมดลูกที่เกิดจากการขาดน้ำ

4.3 การฝึกการหายใจ

  • การหายใจลึกๆ ช่วยลดความตึงเครียดและทำให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลาย

4.4 การอาบน้ำอุ่น

  • น้ำอุ่นช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดอาการเจ็บครรภ์หลอก

5. วิธีเตรียมตัวเมื่อมีอาการเจ็บครรภ์จริง

5.1 การบันทึกเวลาและความถี่ของการบีบตัว

  • ใช้แอปพลิเคชันหรือจดบันทึกเพื่อติดตามความถี่และระยะเวลาของการบีบตัว

5.2 การติดต่อแพทย์หรือโรงพยาบาล

  • หากการบีบตัวถี่ขึ้นทุก 5 นาที และมีความเจ็บปวดเพิ่มขึ้น ควรติดต่อแพทย์เพื่อประเมินสถานการณ์

5.3 การเตรียมกระเป๋าสำหรับคลอด

  • ตรวจสอบว่าคุณแม่มีกระเป๋าสำหรับคลอดที่พร้อมไปโรงพยาบาล เช่น เสื้อผ้า เอกสารสำคัญ และของใช้สำหรับทารก

5.4 การพาผู้สนับสนุนไปด้วย

  • ให้คู่สมรสหรือสมาชิกในครอบครัวเตรียมพร้อมเพื่อช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ต้องไปโรงพยาบาล

6. คำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ

6.1 การเข้าคลาสเตรียมตัวคลอด

  • คลาสเตรียมตัวคลอดช่วยให้คุณแม่เข้าใจเกี่ยวกับอาการเจ็บครรภ์และเทคนิคการรับมือ

6.2 การเรียนรู้สัญญาณการคลอด

  • การรู้จักสัญญาณการคลอดที่แท้จริงช่วยให้คุณแม่เตรียมพร้อมได้อย่างเหมาะสม

6.3 การดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง

  • การออกกำลังกายเบาๆ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกายพร้อมสำหรับการคลอด

สรุป
การแยกความแตกต่างระหว่างอาการเจ็บครรภ์หลอกและเจ็บครรภ์จริงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง การดูแลตัวเองด้วยการพักผ่อน ดื่มน้ำ และติดตามอาการเป็นวิธีที่ดีในการลดความกังวล และหากพบสัญญาณของการคลอดจริง คุณแม่ควรเตรียมตัวให้พร้อมและติดต่อแพทย์เพื่อรับการดูแลที่เหมาะสม

 

You may also like

Share via