วิธีจัดการกับอาการปวดกระดูกเชิงกรานในช่วงหลังคลอด

วิธีจัดการกับอาการปวดกระดูกเชิงกรานในช่วงหลังคลอด

by babyandmomthai.com

วิธีจัดการกับอาการปวดกระดูกเชิงกรานในช่วงหลังคลอด


บทนำ

อาการปวดกระดูกเชิงกรานเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคุณแม่หลังคลอด เนื่องจากกระดูกเชิงกรานและกล้ามเนื้อบริเวณนี้ต้องเผชิญกับแรงกดดันและการเปลี่ยนแปลงอย่างมากระหว่างตั้งครรภ์และการคลอด อาการปวดนี้อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหว การนั่ง และการดูแลลูกน้อย หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม อาการปวดกระดูกเชิงกรานอาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง บทความนี้จะแนะนำวิธีจัดการและป้องกันอาการปวดกระดูกเชิงกรานในช่วงหลังคลอดอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ


เนื้อหา

1. สาเหตุของอาการปวดกระดูกเชิงกรานหลังคลอด

  • การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง: กระดูกเชิงกรานขยายตัวระหว่างตั้งครรภ์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด
  • การยืดตัวของกล้ามเนื้อและเอ็น: ฮอร์โมนรีแล็กซิน (Relaxin) ที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ทำให้ข้อต่อและเอ็นหย่อนตัว
  • แรงกดดันจากน้ำหนักตัว: น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ส่งผลให้กระดูกเชิงกรานรับแรงกดมากขึ้น
  • ท่าทางที่ไม่เหมาะสม: การให้นมลูก การอุ้มลูก หรือการยกของหนักในท่าที่ไม่ถูกต้อง

2. อาการของปวดกระดูกเชิงกรานที่ควรระวัง

  • รู้สึกเจ็บหรือปวดบริเวณกระดูกเชิงกราน สะโพก หรือหลังส่วนล่าง
  • อาการปวดร้าวไปที่ต้นขาหรือบริเวณอวัยวะเพศ
  • รู้สึกไม่มั่นคงหรือปวดขณะเดิน ยืน หรือขึ้นบันได
  • อาการปวดรุนแรงขึ้นเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถ

3. วิธีจัดการกับอาการปวดกระดูกเชิงกราน

3.1 การออกกำลังกายเพื่อบรรเทาอาการปวด

  • ท่า Bridge Pose:
    • นอนหงาย งอเข่า วางเท้าราบกับพื้น
    • ยกสะโพกขึ้น ค้างไว้ 5-10 วินาที แล้วลดตัวลง
    • ทำซ้ำ 10-12 ครั้ง
  • ท่า Pelvic Tilt:
    • นอนหงาย งอเข่า วางเท้าราบกับพื้น
    • กดหลังล่างลงกับพื้นพร้อมเกร็งหน้าท้อง
    • ค้างไว้ 5 วินาที แล้วผ่อนคลาย
    • ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
  • ท่า Child’s Pose:
    • คุกเข่า นั่งสะโพกลงบนส้นเท้า
    • ยืดแขนไปข้างหน้า ก้มตัวจนหน้าผากแตะพื้น
    • ค้างไว้ 20-30 วินาที

3.2 การประคบร้อนหรือเย็น

  • ประคบร้อน: ใช้ถุงน้ำร้อนหรือผ้าชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณที่ปวด เพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  • ประคบเย็น: ใช้เจลเย็นหรือน้ำแข็งประคบบริเวณที่มีอาการบวม หรืออักเสบ

3.3 การนวดบำบัด

  • ใช้ปลายนิ้วนวดเบา ๆ บริเวณสะโพกและกระดูกเชิงกราน เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
  • หากเป็นไปได้ ควรพิจารณานักบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลคุณแม่หลังคลอด

4. การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

  • ท่านั่งที่เหมาะสม: ใช้เก้าอี้ที่มีพนักพิงรองรับหลัง และหลีกเลี่ยงการนั่งไขว้ขา
  • การยกของหนักอย่างปลอดภัย: งอเข่าแทนการก้มหลัง และยกของด้วยกล้ามเนื้อขา
  • หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานาน: ควรลุกขึ้นขยับตัวหรือเปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ 30 นาที

5. อาหารที่ช่วยฟื้นฟูกระดูกและกล้ามเนื้อ

  • อาหารที่มีแคลเซียมสูง: เช่น นม ชีส โยเกิร์ต และผักใบเขียว
  • อาหารที่มีแมกนีเซียม: เช่น ธัญพืชเต็มเมล็ด อัลมอนด์ และถั่วเหลือง
  • อาหารที่มีโปรตีน: เช่น ไข่ เนื้อปลา และเต้าหู้
  • วิตามินดี: รับประทานปลาแซลมอน ไข่แดง หรือออกแดดตอนเช้า

6. การป้องกันอาการปวดกระดูกเชิงกรานในระยะยาว

  • การฝึกโยคะหรือพิลาทิส: เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว
  • การใช้สายรัดพยุงเอว (Maternity Belt): ช่วยลดแรงกดดันที่กระดูกเชิงกราน
  • การนอนในท่าที่เหมาะสม: ใช้หมอนรองใต้เข่าหรือระหว่างขาเมื่ออยู่ในท่านอนตะแคง
  • การหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่รุนแรง: เช่น การยกของหนัก การหมุนตัวเร็ว ๆ

7. เมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์

  • อาการปวดรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นหลังจากพักผ่อนและบำบัดด้วยตัวเอง
  • มีอาการชา หรือรู้สึกไม่มั่นคงขณะเดิน
  • มีอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น ปวดร้าวลงขาหรืออวัยวะเพศ

สรุป

อาการปวดกระดูกเชิงกรานหลังคลอดเป็นเรื่องที่สามารถจัดการได้ด้วยการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม การออกกำลังกายที่ปลอดภัย การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และการรับประทานอาหารที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อเป็นสิ่งสำคัญ หากอาการยังคงอยู่หรือมีความรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาเพิ่มเติม

 

You may also like

Share via