28
วิธีจัดการกับอาการปวดกระดูกเชิงกรานในช่วงหลังคลอด
บทนำ
อาการปวดกระดูกเชิงกรานเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคุณแม่หลังคลอด เนื่องจากกระดูกเชิงกรานและกล้ามเนื้อบริเวณนี้ต้องเผชิญกับแรงกดดันและการเปลี่ยนแปลงอย่างมากระหว่างตั้งครรภ์และการคลอด อาการปวดนี้อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหว การนั่ง และการดูแลลูกน้อย หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม อาการปวดกระดูกเชิงกรานอาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง บทความนี้จะแนะนำวิธีจัดการและป้องกันอาการปวดกระดูกเชิงกรานในช่วงหลังคลอดอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
เนื้อหา
1. สาเหตุของอาการปวดกระดูกเชิงกรานหลังคลอด
- การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง: กระดูกเชิงกรานขยายตัวระหว่างตั้งครรภ์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด
- การยืดตัวของกล้ามเนื้อและเอ็น: ฮอร์โมนรีแล็กซิน (Relaxin) ที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ทำให้ข้อต่อและเอ็นหย่อนตัว
- แรงกดดันจากน้ำหนักตัว: น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ส่งผลให้กระดูกเชิงกรานรับแรงกดมากขึ้น
- ท่าทางที่ไม่เหมาะสม: การให้นมลูก การอุ้มลูก หรือการยกของหนักในท่าที่ไม่ถูกต้อง
2. อาการของปวดกระดูกเชิงกรานที่ควรระวัง
- รู้สึกเจ็บหรือปวดบริเวณกระดูกเชิงกราน สะโพก หรือหลังส่วนล่าง
- อาการปวดร้าวไปที่ต้นขาหรือบริเวณอวัยวะเพศ
- รู้สึกไม่มั่นคงหรือปวดขณะเดิน ยืน หรือขึ้นบันได
- อาการปวดรุนแรงขึ้นเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถ
3. วิธีจัดการกับอาการปวดกระดูกเชิงกราน
3.1 การออกกำลังกายเพื่อบรรเทาอาการปวด
- ท่า Bridge Pose:
- นอนหงาย งอเข่า วางเท้าราบกับพื้น
- ยกสะโพกขึ้น ค้างไว้ 5-10 วินาที แล้วลดตัวลง
- ทำซ้ำ 10-12 ครั้ง
- ท่า Pelvic Tilt:
- นอนหงาย งอเข่า วางเท้าราบกับพื้น
- กดหลังล่างลงกับพื้นพร้อมเกร็งหน้าท้อง
- ค้างไว้ 5 วินาที แล้วผ่อนคลาย
- ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
- ท่า Child’s Pose:
- คุกเข่า นั่งสะโพกลงบนส้นเท้า
- ยืดแขนไปข้างหน้า ก้มตัวจนหน้าผากแตะพื้น
- ค้างไว้ 20-30 วินาที
3.2 การประคบร้อนหรือเย็น
- ประคบร้อน: ใช้ถุงน้ำร้อนหรือผ้าชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณที่ปวด เพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- ประคบเย็น: ใช้เจลเย็นหรือน้ำแข็งประคบบริเวณที่มีอาการบวม หรืออักเสบ
3.3 การนวดบำบัด
- ใช้ปลายนิ้วนวดเบา ๆ บริเวณสะโพกและกระดูกเชิงกราน เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
- หากเป็นไปได้ ควรพิจารณานักบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลคุณแม่หลังคลอด
4. การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
- ท่านั่งที่เหมาะสม: ใช้เก้าอี้ที่มีพนักพิงรองรับหลัง และหลีกเลี่ยงการนั่งไขว้ขา
- การยกของหนักอย่างปลอดภัย: งอเข่าแทนการก้มหลัง และยกของด้วยกล้ามเนื้อขา
- หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานาน: ควรลุกขึ้นขยับตัวหรือเปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ 30 นาที
5. อาหารที่ช่วยฟื้นฟูกระดูกและกล้ามเนื้อ
- อาหารที่มีแคลเซียมสูง: เช่น นม ชีส โยเกิร์ต และผักใบเขียว
- อาหารที่มีแมกนีเซียม: เช่น ธัญพืชเต็มเมล็ด อัลมอนด์ และถั่วเหลือง
- อาหารที่มีโปรตีน: เช่น ไข่ เนื้อปลา และเต้าหู้
- วิตามินดี: รับประทานปลาแซลมอน ไข่แดง หรือออกแดดตอนเช้า
6. การป้องกันอาการปวดกระดูกเชิงกรานในระยะยาว
- การฝึกโยคะหรือพิลาทิส: เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว
- การใช้สายรัดพยุงเอว (Maternity Belt): ช่วยลดแรงกดดันที่กระดูกเชิงกราน
- การนอนในท่าที่เหมาะสม: ใช้หมอนรองใต้เข่าหรือระหว่างขาเมื่ออยู่ในท่านอนตะแคง
- การหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่รุนแรง: เช่น การยกของหนัก การหมุนตัวเร็ว ๆ
7. เมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์
- อาการปวดรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นหลังจากพักผ่อนและบำบัดด้วยตัวเอง
- มีอาการชา หรือรู้สึกไม่มั่นคงขณะเดิน
- มีอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น ปวดร้าวลงขาหรืออวัยวะเพศ
สรุป
อาการปวดกระดูกเชิงกรานหลังคลอดเป็นเรื่องที่สามารถจัดการได้ด้วยการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม การออกกำลังกายที่ปลอดภัย การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และการรับประทานอาหารที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อเป็นสิ่งสำคัญ หากอาการยังคงอยู่หรือมีความรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาเพิ่มเติม