27
ผลของการตั้งครรภ์ต่อระบบการขับถ่ายและวิธีแก้ไข
บทนำ
การตั้งครรภ์เป็นช่วงที่ร่างกายของคุณแม่ต้องปรับตัวเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารก ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระบบฮอร์โมน การทำงานของอวัยวะในร่างกาย รวมถึงการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัว ล้วนส่งผลต่อ ระบบการขับถ่าย ไม่ว่าจะเป็นอาการท้องผูก อาการถ่ายบ่อย หรือภาวะอื่น ๆ ที่สร้างความไม่สบายตัว
บทความนี้จะพาคุณแม่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของการตั้งครรภ์ต่อระบบการขับถ่าย พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขและดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม
ผลกระทบของการตั้งครรภ์ต่อระบบการขับถ่าย
1. อาการท้องผูก
- สาเหตุ:
- ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้การบีบตัวของลำไส้ช้าลง
- การรับประทานธาตุเหล็กเสริมเพื่อป้องกันภาวะโลหิตจางอาจทำให้การขับถ่ายลำบากขึ้น
- มดลูกที่ขยายตัวกดทับลำไส้
2. อาการถ่ายบ่อย
- สาเหตุ:
- มดลูกที่โตขึ้นกดทับกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ตรง
- การดื่มน้ำมากขึ้นเพื่อลดอาการบวมน้ำ
3. อาการริดสีดวงทวาร
- สาเหตุ:
- น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทำให้หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักถูกกดทับ
- การเบ่งอุจจาระเนื่องจากท้องผูก
4. อาการปัสสาวะเล็ด
- สาเหตุ:
- มดลูกที่ขยายตัวกดทับกระเพาะปัสสาวะ
- การเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
วิธีแก้ไขปัญหาระบบขับถ่ายในช่วงตั้งครรภ์
1. จัดการกับอาการท้องผูก
- เพิ่มใยอาหารในมื้ออาหาร:
- เลือกรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผักใบเขียว ธัญพืชเต็มเมล็ด
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ:
- ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้วเพื่อช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
- ออกกำลังกายเบา ๆ:
- การเดินหรือโยคะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
- หลีกเลี่ยงการกลั้นอุจจาระ:
- ควรเข้าห้องน้ำเมื่อรู้สึกปวดทันที
2. จัดการกับอาการถ่ายบ่อย
- ปรับเวลาการดื่มน้ำ:
- ดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดวัน แต่ลดปริมาณน้ำในช่วงเย็นเพื่อไม่ให้ตื่นบ่อยตอนกลางคืน
- ทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด:
- เช่น การทำสมาธิ ซึ่งช่วยลดการกระตุ้นการถ่ายบ่อยจากความเครียด
3. ลดความเสี่ยงของริดสีดวงทวาร
- เลี่ยงการนั่งหรือนอนนาน ๆ:
- ลุกขึ้นเคลื่อนไหวทุก 1-2 ชั่วโมง
- ใช้หมอนรองนั่งแบบโดนัท:
- เพื่อลดแรงกดที่บริเวณทวารหนัก
- รับประทานอาหารที่มีใยอาหารและดื่มน้ำให้เพียงพอ
4. บรรเทาอาการปัสสาวะเล็ด
- ฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Kegel Exercise):
- ช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- ใช้แผ่นซับปัสสาวะ:
- เพื่อป้องกันความไม่สะดวก
ตัวอย่างอาหารที่ช่วยส่งเสริมระบบขับถ่าย
1. ผลไม้ที่มีใยอาหารสูง
- เช่น ลูกพรุน กีวี แอปเปิล ส้ม
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
2. ผักใบเขียว
- เช่น ผักโขม คะน้า บรอกโคลี
- เพิ่มกากใยและช่วยในการขับถ่าย
3. ธัญพืชเต็มเมล็ด
- เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง เมล็ดแฟลกซ์
- ช่วยเสริมใยอาหารและบำรุงลำไส้
4. โยเกิร์ตและโปรไบโอติก
- ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้
การออกกำลังกายที่ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย
1. ท่า Cat-Cow Stretch
- ท่านี้ช่วยนวดลำไส้และเพิ่มการไหลเวียนเลือด
2. การเดิน
- เดินเบา ๆ วันละ 20-30 นาทีช่วยกระตุ้นลำไส้
3. โยคะท่า Child’s Pose
- ช่วยลดความตึงเครียดและเพิ่มการทำงานของระบบย่อยอาหาร
เมื่อใดควรปรึกษาแพทย์
1. อาการท้องผูกเรื้อรัง
- หากอาการท้องผูกยังคงอยู่แม้ปรับพฤติกรรมแล้ว
2. อาการถ่ายบ่อยผิดปกติ
- เช่น ถ่ายเหลวหลายครั้งต่อวัน อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ
3. เลือดปนในอุจจาระ
- อาจเป็นสัญญาณของริดสีดวงทวารหรือภาวะอื่น ๆ
สรุป
การตั้งครรภ์ส่งผลต่อระบบการขับถ่ายในหลายด้าน เช่น ท้องผูก ถ่ายบ่อย หรือริดสีดวงทวาร แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำให้เพียงพอ และออกกำลังกายเบา ๆ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการดูแลที่เหมาะสม