ผลกระทบของแสงแดดต่อสุขภาพแม่และลูกในครรภ์

ผลกระทบของแสงแดดต่อสุขภาพแม่และลูกในครรภ์

by babyandmomthai.com

ผลกระทบของแสงแดดต่อสุขภาพแม่และลูกในครรภ์


บทนำ

แสงแดดเป็นแหล่งวิตามินดีที่สำคัญสำหรับร่างกาย ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟัน แต่ในขณะเดียวกัน การได้รับแสงแดดในปริมาณที่มากเกินไปโดยไม่มีการป้องกันที่เหมาะสมอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่มีความไวต่อแสงแดดมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น ผิวไหม้ รอยดำ ฝ้า และส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์

บทความนี้จะกล่าวถึงผลกระทบของแสงแดดต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อย พร้อมทั้งวิธีการป้องกันและดูแลผิวให้ปลอดภัยจากแสงแดดในช่วงตั้งครรภ์


เนื้อหา

1. ทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์จึงไวต่อแสงแดดมากขึ้น?

ในช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้:

  • ผิวไวต่อแสงมากขึ้น
  • เกิดการกระตุ้นเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวคล้ำได้ง่าย
  • เกิดภาวะ “ฝ้า” หรือ “จุดด่างดำ” บนใบหน้าได้บ่อยขึ้น

นอกจากนี้ การไหลเวียนโลหิตที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ผิวของคุณแม่มีความอ่อนไหวและระคายเคืองได้ง่ายเมื่อโดนแสงแดด


2. ผลกระทบของแสงแดดต่อคุณแม่ตั้งครรภ์

  1. ผิวไหม้แดด (Sunburn):
    • แสงแดดที่แรงเกินไป โดยเฉพาะรังสี UVB สามารถทำให้ผิวไหม้แดงและแสบร้อน
  2. ฝ้าและกระ (Melasma):
    • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนร่วมกับการโดนแสงแดดทำให้เกิดฝ้าหรือรอยกระบนใบหน้าและผิวหนัง
  3. การเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ (Dehydration):
    • การอยู่กลางแดดเป็นเวลานานทำให้คุณแม่สูญเสียน้ำในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ
  4. ภาวะลมแดด (Heat Stroke):
    • ในวันที่อากาศร้อนจัด คุณแม่เสี่ยงต่อภาวะลมแดด ซึ่งอันตรายต่อสุขภาพทั้งแม่และลูก
  5. ความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด:
    • การได้รับความร้อนสูงเกินไปอาจกระตุ้นให้เกิดการหดรัดตัวของมดลูก

3. ผลกระทบของแสงแดดต่อลูกในครรภ์

แม้แสงแดดจะไม่กระทบโดยตรงต่อลูกในครรภ์ แต่หากคุณแม่มีภาวะดังต่อไปนี้ อาจส่งผลต่อทารกได้:

  • ภาวะขาดน้ำและลมแดด: ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปยังทารกลดลง
  • การเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย: การได้รับความร้อนสูงทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความผิดปกติของระบบประสาทของทารก
  • วิตามินดีไม่เพียงพอหรือมากเกินไป: การได้รับแสงแดดที่พอเหมาะช่วยให้ลูกในครรภ์ได้รับแคลเซียมที่จำเป็น แต่การได้รับมากเกินไปอาจเกิดความเสี่ยงจากรังสี UV

4. แนวทางการป้องกันอันตรายจากแสงแดดในช่วงตั้งครรภ์

  1. หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลาที่แรงที่สุด:
    • หลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วง 10.00 – 16.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่แสงแดดแรงที่สุด
  2. ใช้ครีมกันแดดที่ปลอดภัย:
    • เลือกครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA+++
    • ใช้ครีมกันแดดสูตร Physical Sunscreen ที่มีส่วนผสมของ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ปลอดภัยต่อคุณแม่และลูกน้อย
  3. สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดผิวหนัง:
    • เลือกเสื้อผ้าเนื้อบางเบา ระบายอากาศได้ดี แต่สามารถป้องกันแสงแดด เช่น เสื้อแขนยาวและหมวกปีกกว้าง
  4. ใส่แว่นกันแดด:
    • ใช้แว่นตากันแดดที่มีการป้องกันรังสี UV400 เพื่อปกป้องดวงตาจากรังสี UV
  5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ:
    • ดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  6. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวไวต่อแสง:
    • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารไวแสง เช่น กรด AHA หรือ Retinoid
  7. หากต้องออกแดด ควรอยู่ในที่ร่มบ่อยๆ:
    • หมั่นหาที่ร่มและพักเป็นระยะ

5. ประโยชน์ของแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสม

แม้แสงแดดจะมีข้อเสียหากได้รับมากเกินไป แต่การรับแสงแดดอย่างเหมาะสมในช่วงเวลาที่เหมาะสมก็มีประโยชน์ ดังนี้:

  • ช่วยเพิ่มวิตามินดี: ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันของทารกในครรภ์
  • ช่วยควบคุมอารมณ์: การสัมผัสแสงแดดช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเซโรโทนิน ซึ่งช่วยลดความเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้น
  • เสริมระบบภูมิคุ้มกัน: ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ

เคล็ดลับ: คุณแม่ควรรับแสงแดดในช่วงเช้าหรือเย็นเป็นเวลา 10-15 นาที เพื่อให้ได้รับวิตามินดีโดยไม่เสี่ยงต่อผิวไหม้


สรุป

แสงแดดมีทั้งประโยชน์และโทษต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ การได้รับแสงแดดอย่างพอดีและเหมาะสมจะช่วยเพิ่มวิตามินดีที่จำเป็น แต่หากได้รับมากเกินไปโดยไม่ป้องกัน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ผิวไหม้ ฝ้า หรือภาวะขาดน้ำ การป้องกันด้วยการใช้ครีมกันแดด ปกปิดผิว และดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้คุณแม่สามารถดูแลตนเองและลูกน้อยได้อย่างปลอดภัยตลอดช่วงการตั้งครรภ์

 

You may also like

Share via