ผลกระทบของการตั้งครรภ์ต่อหัวใจและการดูแลระบบไหลเวียนโลหิต

ผลกระทบของการตั้งครรภ์ต่อหัวใจและการดูแลระบบไหลเวียนโลหิต

by babyandmomthai.com

ผลกระทบของการตั้งครรภ์ต่อหัวใจและการดูแลระบบไหลเวียนโลหิต


บทนำ

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของคุณแม่ต้องปรับตัวอย่างมาก เพื่อรองรับการเติบโตและพัฒนาการของลูกน้อย หนึ่งในระบบที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต เนื่องจากเลือดในร่างกายต้องไหลเวียนมากขึ้นถึง 30-50% เพื่อส่งออกซิเจนและสารอาหารไปยังทารก การทำงานของหัวใจจึงต้องเพิ่มขึ้น ทำให้คุณแม่บางรายอาจมีอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือมีภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับหัวใจได้ บทความนี้จะอธิบายถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ต่อระบบหัวใจ พร้อมทั้งแนวทางการดูแลหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตอย่างถูกวิธี


เนื้อหา

1. การเปลี่ยนแปลงของหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตในช่วงตั้งครรภ์

ในระหว่างตั้งครรภ์ ระบบหัวใจและหลอดเลือดมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญดังนี้:

  1. ปริมาณเลือดเพิ่มขึ้น
    • ปริมาณเลือดเพิ่มขึ้นประมาณ 30-50% เพื่อหล่อเลี้ยงทั้งคุณแม่และทารก
  2. การทำงานของหัวใจเพิ่มขึ้น
    • หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปยังมดลูกและรก ทำให้ อัตราการเต้นของหัวใจ เพิ่มขึ้นประมาณ 10-20 ครั้งต่อนาที
  3. ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง
    • ในช่วงไตรมาสแรกและที่สอง ความดันโลหิตมักลดลงเล็กน้อย จากการขยายตัวของหลอดเลือด
    • ในไตรมาสที่สาม ความดันโลหิตอาจกลับมาปกติหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
  4. แรงกดทับหลอดเลือดใหญ่
    • มดลูกที่ขยายตัวอาจกดทับหลอดเลือดดำใหญ่ (Vena Cava) ทำให้การไหลเวียนเลือดกลับสู่หัวใจช้าลง ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการบวมที่ขาและเท้า

2. อาการที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต

คุณแม่ตั้งครรภ์อาจพบอาการต่อไปนี้:

  1. เหนื่อยง่าย หายใจถี่
  2. หัวใจเต้นเร็วหรือใจสั่น
  3. บวมที่เท้า ขา และข้อเท้า
  4. เส้นเลือดขอด เนื่องจากเลือดคั่งในหลอดเลือด
  5. วิงเวียนศีรษะเป็นลม เนื่องจากความดันโลหิตลดลง

3. ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับหัวใจในช่วงตั้งครรภ์

3.1 ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์

  • ความดันโลหิตสูงอาจนำไปสู่ภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งแม่และลูก

3.2 หัวใจล้มเหลวจากการตั้งครรภ์ (Peripartum Cardiomyopathy)

  • เป็นภาวะที่พบได้ยาก แต่หัวใจจะอ่อนแอลงและทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

3.3 ภาวะเส้นเลือดขอดหรือหลอดเลือดอุดตัน

  • เลือดคั่งที่ขาและเท้า ทำให้เกิดเส้นเลือดขอด หรือเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน

4. การดูแลหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตในช่วงตั้งครรภ์

4.1 การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

  • น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมากเกินไปจะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และโปรตีนไขมันต่ำ

4.2 การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

  • การออกกำลังกายช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้นและเสริมความแข็งแรงให้หัวใจ
    • การเดินเบา ๆ วันละ 20-30 นาที
    • การว่ายน้ำ ช่วยลดแรงกดดันที่ขาและเพิ่มการไหลเวียนเลือด
    • โยคะคนท้อง ช่วยผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ

4.3 การนอนหลับในท่าที่เหมาะสม

  • นอนตะแคงซ้ายเพื่อลดแรงกดทับหลอดเลือดดำใหญ่และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น

4.4 การควบคุมอาหารให้เหมาะสม

  • ลดการบริโภคเกลือเพื่อลดความเสี่ยงความดันโลหิตสูง
  • เพิ่มอาหารที่มีโพแทสเซียม เช่น กล้วย อะโวคาโด และมันฝรั่ง ช่วยควบคุมสมดุลของของเหลว
  • หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง และอาหารแปรรูป

4.5 การดื่มน้ำให้เพียงพอ

  • การดื่มน้ำช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือดและลดอาการบวมที่ขา

4.6 หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งนานเกินไป

  • หากต้องนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ หรือยกขาขึ้นเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น

5. สัญญาณอันตรายเกี่ยวกับหัวใจที่ควรรีบพบแพทย์

หากคุณแม่พบอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที:

  1. หายใจลำบาก หายใจไม่อิ่ม
  2. เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก
  3. ใจสั่นอย่างรุนแรง
  4. ขาบวมมากผิดปกติ
  5. เหนื่อยล้าหรือเป็นลมบ่อยครั้ง

6. การตรวจติดตามหัวใจและความดันโลหิตในช่วงตั้งครรภ์

  • คุณแม่ควรเข้ารับการฝากครรภ์และตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ
  • ในกรณีที่มีประวัติโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) หรืออัลตราซาวด์หัวใจ

สรุป

การตั้งครรภ์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต เนื่องจากปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้นและการทำงานที่หนักขึ้นของหัวใจ คุณแม่จึงควรดูแลสุขภาพหัวใจด้วยการควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกายเบา ๆ การรับประทานอาหารที่เหมาะสม และพักผ่อนให้เพียงพอ การตรวจติดตามสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ทำให้คุณแม่และลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรงตลอดช่วงการตั้งครรภ์

 

You may also like

Share via