ผลกระทบของการตั้งครรภ์ต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์

ผลกระทบของการตั้งครรภ์ต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์

by babyandmomthai.com

ผลกระทบของการตั้งครรภ์ต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์


บทนำ

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนอย่างมหาศาล ซึ่งหนึ่งในระบบสำคัญที่ได้รับผลกระทบก็คือ ต่อมไทรอยด์ ต่อมไทรอยด์มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระบบเผาผลาญ การเจริญเติบโต และการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ฮอร์โมนไทรอยด์จึงมีความสำคัญทั้งต่อสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ การทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ในช่วงตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง


เนื้อหา

1. ความสำคัญของต่อมไทรอยด์ในช่วงตั้งครรภ์

ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมไร้ท่อที่อยู่บริเวณคอ ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนหลักสองชนิด ได้แก่ T3 (ไตรไอโอโดไทโรนีน) และ T4 (ไทโรซีน) ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย เช่น:

  • ควบคุมระบบเผาผลาญ: เพิ่มการใช้พลังงานและควบคุมน้ำหนัก
  • เสริมสร้างพัฒนาการสมองของทารก: โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก
  • ควบคุมระบบการทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อ และระบบประสาท

ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะต้องผลิตฮอร์โมนไทรอยด์เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 12 สัปดาห์แรก ที่ลูกน้อยยังไม่สามารถสร้างฮอร์โมนไทรอยด์เองได้


2. การเปลี่ยนแปลงของต่อมไทรอยด์ในช่วงตั้งครรภ์

ระหว่างตั้งครรภ์ ต่อมไทรอยด์จะมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้:

  • การผลิตฮอร์โมนเพิ่มขึ้น: เพื่อรองรับความต้องการของทารก
  • ฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin): ฮอร์โมนจากรกที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรก ทำให้ต่อมไทรอยด์กระตุ้นการผลิตฮอร์โมนมากขึ้น
  • ความต้องการไอโอดีนเพิ่มขึ้น: เนื่องจากการผลิตฮอร์โมนที่มากขึ้นทำให้คุณแม่ต้องการไอโอดีนมากกว่าปกติ

3. ปัญหาของต่อมไทรอยด์ในช่วงตั้งครรภ์

3.1 ภาวะไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism)
เกิดจากต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากเกินไป อาการที่พบได้แก่:

  • ใจสั่น เหนื่อยง่าย
  • น้ำหนักลดลงผิดปกติ
  • เหงื่อออกมากผิดปกติ
  • คลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง

สาเหตุ:

  • โรคเกรฟส์ (Graves’ disease): โรคภูมิคุ้มกันที่ทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน

ผลกระทบต่อทารก:

  • คลอดก่อนกำหนด
  • น้ำหนักตัวน้อย
  • ภาวะหัวใจเต้นเร็วในทารก

3.2 ภาวะไทรอยด์ทำงานน้อย (Hypothyroidism)
เกิดจากต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไม่เพียงพอ อาการที่พบได้แก่:

  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
  • น้ำหนักขึ้นผิดปกติ
  • ผมร่วง ผิวแห้ง
  • ท้องผูก

สาเหตุ:

  • การขาดไอโอดีน
  • โรคฮาชิโมโต (Hashimoto’s Thyroiditis): ภาวะภูมิคุ้มกันทำลายต่อมไทรอยด์

ผลกระทบต่อทารก:

  • พัฒนาการสมองล่าช้า
  • ความเสี่ยงแท้งบุตร
  • คลอดก่อนกำหนด

4. การวินิจฉัยและตรวจเช็คต่อมไทรอยด์ในช่วงตั้งครรภ์

คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถตรวจเช็คการทำงานของต่อมไทรอยด์ได้โดยการตรวจเลือดวัดระดับฮอร์โมน:

  • TSH (Thyroid Stimulating Hormone): ฮอร์โมนที่ควบคุมการทำงานของต่อมไทรอยด์
  • T3 และ T4: ฮอร์โมนหลักที่ผลิตจากต่อมไทรอยด์

5. วิธีดูแลสุขภาพต่อมไทรอยด์ในช่วงตั้งครรภ์

5.1 รับประทานอาหารที่มีไอโอดีน

  • อาหารทะเล เช่น ปลา กุ้ง สาหร่ายทะเล
  • เกลือเสริมไอโอดีน
  • ไข่และนม

5.2 รับประทานอาหารที่มีซีลีเนียม

  • ซีลีเนียมช่วยในการเผาผลาญฮอร์โมนไทรอยด์ เช่น ถั่วบราซิล ธัญพืช

5.3 หลีกเลี่ยงสารก่อกวนฮอร์โมนไทรอยด์ (Goitrogens)

  • ผักดิบบางชนิด เช่น กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ บรอกโคลี ควรทานแบบปรุงสุก

5.4 ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

  • คุณแม่ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพต่อมไทรอยด์ตลอดช่วงการตั้งครรภ์

6. การรักษาภาวะไทรอยด์ผิดปกติในช่วงตั้งครรภ์

  • ภาวะไทรอยด์ทำงานเกิน: แพทย์อาจให้ยาต้านไทรอยด์ที่ปลอดภัยสำหรับคุณแม่
  • ภาวะไทรอยด์ทำงานน้อย: คุณแม่อาจต้องรับประทานฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน

สรุป

การตั้งครรภ์ส่งผลกระทบต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์อย่างมีนัยสำคัญ โดยคุณแม่อาจเผชิญกับภาวะไทรอยด์ทำงานเกินหรือทำงานน้อย ซึ่งทั้งสองภาวะนี้ส่งผลต่อสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้น การตรวจเช็คสุขภาพต่อมไทรอยด์อย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีไอโอดีน และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

 

You may also like

Share via