การใช้สมาร์ทโฟนและผลกระทบต่อสุขภาพแม่และทารกในครรภ์

การใช้สมาร์ทโฟนและผลกระทบต่อสุขภาพแม่และทารกในครรภ์

by babyandmomthai.com

การใช้สมาร์ทโฟนและผลกระทบต่อสุขภาพแม่และทารกในครรภ์


บทนำ

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน สมาร์ทโฟนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้ คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนก็ใช้สมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือในการหาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ ติดต่อสื่อสาร หรือผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม การใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นผลจากรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แสงสีฟ้า (Blue Light) และพฤติกรรมการใช้งานที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งนานเกินไปหรือนอนเล่นสมาร์ทโฟน

บทความนี้จะกล่าวถึงผลกระทบของการใช้สมาร์ทโฟนในระหว่างตั้งครรภ์ พร้อมแนะนำแนวทางการใช้สมาร์ทโฟนอย่างปลอดภัย เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่และทารกในครรภ์


เนื้อหา

1. การใช้สมาร์ทโฟนในระหว่างตั้งครรภ์

สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน การใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานานเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพคุณแม่และทารกในครรภ์ เช่น:

  • การได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EMF)
  • ผลจากแสงสีฟ้าของหน้าจอ
  • การนั่งหรือนอนเล่นสมาร์ทโฟนในท่าที่ไม่เหมาะสม

การเข้าใจถึงผลกระทบเหล่านี้และการจำกัดเวลาใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์


2. ผลกระทบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่อคุณแม่และลูกในครรภ์

สมาร์ทโฟนปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือคลื่นวิทยุที่เรียกว่า EMF ซึ่งเป็นคลื่นที่ใช้ในการสื่อสาร แม้จะยังไม่มีข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน แต่การได้รับคลื่นเหล่านี้เป็นเวลานานอาจมีผลกระทบ ดังนี้:

  1. ความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์
    • การได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาระบบประสาทของทารก
    • ในบางการศึกษา พบว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างการใช้สมาร์ทโฟนกับการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะเด็กสมาธิสั้น (ADHD)
  2. ความร้อนที่เกิดจากสมาร์ทโฟน
    • สมาร์ทโฟนที่ใช้งานเป็นเวลานานจะเกิดความร้อน ซึ่งหากสัมผัสกับร่างกายโดยตรงอาจทำให้เกิดความร้อนสะสมในร่างกายคุณแม่

3. ผลกระทบของแสงสีฟ้า (Blue Light)

แสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาจากหน้าจอสมาร์ทโฟนมีความยาวคลื่นที่สามารถทะลุถึงจอประสาทตาและส่งผลกระทบได้ ดังนี้:

  1. รบกวนการนอนหลับ:
    • แสงสีฟ้าจะไปรบกวนการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งทำให้นอนหลับยากขึ้น
  2. ส่งผลต่อดวงตา:
    • อาจทำให้เกิดอาการตาล้า ตาแห้ง และเสี่ยงต่อจอประสาทตาเสื่อมในระยะยาว
  3. ส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย:
    • การนอนหลับไม่เพียงพออาจทำให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล ส่งผลกระทบต่อคุณแม่และทารกในครรภ์

4. ท่าทางที่ไม่เหมาะสมขณะใช้สมาร์ทโฟน

  1. การนั่งนานเกินไป:
    • การนั่งก้มหน้าเล่นสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานทำให้กระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อคอถูกกดทับ ส่งผลให้ปวดหลังและปวดคอ
    • การนั่งนานเกินไปยังทำให้ระบบไหลเวียนเลือดช้าลง เสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดขอดและขาบวม
  2. การนอนเล่นสมาร์ทโฟน:
    • ท่านอนหงายหรือท่านอนผิดท่าในขณะเล่นสมาร์ทโฟน ทำให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกไม่สะดวก

5. ผลกระทบทางจิตใจจากการใช้สมาร์ทโฟน

การใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานานอาจทำให้คุณแม่เกิดความเครียดได้ เช่น:

  • การเสพข้อมูลที่มากเกินไปจากโซเชียลมีเดีย
  • การเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น
  • ความเครียดจากการได้รับข่าวสารเชิงลบ

ผลกระทบต่อจิตใจ: ความเครียดและความวิตกกังวลจะทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์


6. วิธีใช้สมาร์ทโฟนอย่างปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

  1. จำกัดเวลาในการใช้งาน:
    • ควรจำกัดเวลาใช้สมาร์ทโฟนวันละไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง
  2. ใช้หูฟังและลำโพงแทนการแนบโทรศัพท์กับหู:
    • ลดความเสี่ยงจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
  3. หลีกเลี่ยงการวางสมาร์ทโฟนไว้ใกล้ท้อง:
    • ไม่ควรวางสมาร์ทโฟนบนท้องหรือนอนหลับโดยวางไว้ใกล้ตัว
  4. เปิดโหมดกลางคืน (Night Mode):
    • ลดการปล่อยแสงสีฟ้าในช่วงเวลากลางคืน
  5. พักสายตาเป็นประจำ:
    • ใช้กฎ 20-20-20: ทุก 20 นาที ให้มองไกล 20 ฟุต นาน 20 วินาที
  6. ปรับท่านั่งให้ถูกต้อง:
    • นั่งหลังตรง ยกสมาร์ทโฟนขึ้นในระดับสายตาเพื่อลดการก้มคอ
  7. หมั่นออกกำลังกาย:
    • ลุกขึ้นเดินและยืดเส้นยืดสายทุก 1 ชั่วโมง
  8. เลือกเสพข้อมูลอย่างสร้างสรรค์:
    • ใช้สมาร์ทโฟนในการหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการตั้งครรภ์

สรุป

การใช้สมาร์ทโฟนในช่วงตั้งครรภ์ควรทำอย่างเหมาะสมเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ทั้งจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แสงสีฟ้า และพฤติกรรมการใช้งานที่ไม่เหมาะสม คุณแม่ควรจำกัดเวลาในการใช้งาน เลือกท่าทางที่ถูกต้อง พักสายตาบ่อยๆ และเน้นการใช้งานเพื่อหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและลดความเสี่ยงจากการใช้สมาร์ทโฟนจะช่วยให้การตั้งครรภ์ดำเนินไปอย่างปลอดภัยและมีความสุข

 

You may also like

Share via