การรับมือกับอาการกรดไหลย้อนระหว่างตั้งครรภ์

การรับมือกับอาการกรดไหลย้อนระหว่างตั้งครรภ์

by babyandmomthai.com

การรับมือกับอาการกรดไหลย้อนระหว่างตั้งครรภ์


บทนำ
อาการกรดไหลย้อนเป็นปัญหาที่พบบ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่สองและสาม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการขยายตัวของมดลูกส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร อาการที่พบบ่อย ได้แก่ รู้สึกแสบร้อนกลางอก คลื่นไส้ และเรอเปรี้ยว แม้ว่าอาการเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ก็สามารถรบกวนคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก บทความนี้จะอธิบายถึงสาเหตุ วิธีป้องกัน และวิธีรับมือกับอาการกรดไหลย้อนระหว่างตั้งครรภ์


เนื้อหา

1. สาเหตุของอาการกรดไหลย้อนในช่วงตั้งครรภ์

1.1 การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

  • ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่าง (LES) ผ่อนคลายมากขึ้น ส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาง่าย

1.2 การขยายตัวของมดลูก

  • มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นกดดันกระเพาะอาหาร ทำให้กรดในกระเพาะอาหารดันตัวขึ้นสู่หลอดอาหาร

1.3 การเคลื่อนไหวของระบบย่อยอาหารที่ช้าลง

  • การตั้งครรภ์ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง ส่งผลให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น

2. อาการของกรดไหลย้อนในระหว่างตั้งครรภ์

  • แสบร้อนกลางอก: อาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกหรือลำคอ
  • คลื่นไส้: บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย
  • เรอเปรี้ยว: มีรสเปรี้ยวหรือขมในปาก
  • กลืนลำบาก: รู้สึกเหมือนมีอะไรติดในลำคอ

3. วิธีป้องกันอาการกรดไหลย้อนในระหว่างตั้งครรภ์

3.1 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน

  • รับประทานมื้อเล็กๆ และบ่อยครั้ง: แทนที่จะรับประทานมื้อใหญ่
  • หลีกเลี่ยงการกินก่อนนอน: หยุดรับประทานอาหารอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
  • เคี้ยวอาหารช้าๆ: เพื่อช่วยลดความเครียดต่อระบบย่อยอาหาร

3.2 หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการ

  • อาหารที่มีกรดสูง เช่น ส้ม มะเขือเทศ
  • อาหารมันและทอด
  • เครื่องดื่มคาเฟอีน เช่น กาแฟและช็อกโกแลต

3.3 การปรับท่าทางการนอน

  • นอนยกหัวสูงประมาณ 15-20 องศา เพื่อป้องกันกรดไหลย้อน
  • นอนตะแคงซ้ายช่วยลดแรงกดดันในกระเพาะอาหาร

4. การดูแลตัวเองเมื่อเกิดอาการกรดไหลย้อน

4.1 การดื่มน้ำอุ่น

  • ดื่มน้ำอุ่นหรือชาสมุนไพร เช่น ชาขิง เพื่อช่วยบรรเทาอาการ

4.2 การใช้โยเกิร์ตหรืออาหารที่ช่วยลดกรด

  • รับประทานโยเกิร์ตธรรมชาติหรือดื่มนมอุ่นเพื่อช่วยลดกรดในกระเพาะ

4.3 การหลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดแน่น

  • เลือกสวมเสื้อผ้าที่สบายและไม่กดดันบริเวณหน้าท้อง

5. อาหารที่ช่วยลดอาการกรดไหลย้อน

5.1 กล้วย

  • กล้วยช่วยเคลือบกระเพาะและลดความเป็นกรด

5.2 ข้าวโอ๊ต

  • ข้าวโอ๊ตช่วยดูดซับกรดในกระเพาะอาหาร

5.3 ขิง

  • ขิงช่วยลดอาการอักเสบและคลื่นไส้

5.4 อะโวคาโด

  • มีไขมันดีที่ไม่กระตุ้นการหลั่งกรด

5.5 ผักใบเขียว

  • เช่น ผักโขมและบร็อคโคลี ที่มีค่า pH สูง

6. การใช้ยารักษาอาการกรดไหลย้อน

  • ยาลดกรด (Antacids): ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก เช่น ยาที่มีส่วนผสมของแคลเซียมหรือแมกนีเซียม
  • ยาลดการหลั่งกรด: เช่น รานิทิดีน (Ranitidine) หรือยากลุ่ม Proton Pump Inhibitors (PPI) แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  • หลีกเลี่ยงยาที่มีโซเดียมสูงหรือยาที่มีส่วนผสมของอะลูมิเนียม

7. เมื่อใดที่ควรพบแพทย์

  • อาการกรดไหลย้อนรุนแรงหรือเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
  • อาการแสบร้อนที่ไม่ดีขึ้นแม้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
  • คลื่นไส้หรืออาเจียนมากจนร่างกายอ่อนแอ
  • กลืนลำบากหรือเจ็บหน้าอก

8. การปฏิบัติตัวระยะยาว

8.1 การบริโภคอาหารอย่างมีวินัย

  • วางแผนมื้ออาหารเพื่อหลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นกรดไหลย้อน

8.2 การออกกำลังกายเบาๆ

  • เช่น การเดินหลังมื้ออาหารช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร

8.3 การลดความเครียด

  • ความเครียดส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ควรฝึกสมาธิหรือโยคะ

สรุป
อาการกรดไหลย้อนระหว่างตั้งครรภ์เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย แต่สามารถป้องกันและจัดการได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การเลือกอาหารที่เหมาะสม และการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม หากอาการรุนแรงหรือส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณแม่สามารถเพลิดเพลินกับการตั้งครรภ์ที่สุขภาพดีและปลอดภัย

 

You may also like

Share via