การสร้างความเห็นอกเห็นใจ: เมื่อลูกไม่แสดงความรู้สึกต่อผู้อื่น

การสร้างความเห็นอกเห็นใจ: เมื่อลูกไม่แสดงความรู้สึกต่อผู้อื่น

by https://babyandmomthai.com/

การสร้างความเห็นอกเห็นใจ: เมื่อลูกไม่แสดงความรู้สึกต่อผู้อื่น


บทนำ

ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) เป็นหนึ่งในทักษะทางสังคมที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็ก ช่วยให้พวกเขาเข้าใจและตอบสนองต่อความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม เด็กที่มีความเห็นอกเห็นใจสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดี มีความเข้าใจในความรู้สึกของคนรอบข้าง และมีพฤติกรรมที่ช่วยส่งเสริมสังคมในเชิงบวก

แต่ในบางกรณี เด็กอาจไม่แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น หรือดูเหมือนไม่ใส่ใจเมื่อเห็นคนอื่นเศร้า โกรธ หรือเดือดร้อน บทความนี้จะช่วยผู้ปกครองทำความเข้าใจสาเหตุของพฤติกรรมนี้ และเสนอแนวทางสร้างความเห็นอกเห็นใจให้กับลูก เพื่อให้เขาเติบโตเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดี


เนื้อหา

1. ความสำคัญของความเห็นอกเห็นใจ

ความเห็นอกเห็นใจช่วยให้เด็กสามารถ:

  • เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น: เด็กจะรับรู้และเข้าใจว่าคนรอบข้างรู้สึกอย่างไร
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: การแสดงความห่วงใยต่อผู้อื่นช่วยสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่มั่นคง
  • ส่งเสริมพฤติกรรมช่วยเหลือ: เด็กที่เห็นอกเห็นใจจะพร้อมช่วยเหลือเมื่อเห็นคนอื่นเดือดร้อน
  • ลดพฤติกรรมก้าวร้าว: ความเข้าใจในความรู้สึกของผู้อื่นช่วยลดโอกาสเกิดการกระทำที่อาจทำให้ผู้อื่นเสียใจ

2. สาเหตุที่เด็กไม่แสดงความรู้สึกต่อผู้อื่น

  • พัฒนาการตามวัย:
    เด็กเล็กยังอยู่ในช่วงที่มุ่งเน้นความต้องการของตนเอง (Egocentric) ซึ่งเป็นเรื่องปกติในพัฒนาการ
  • ขาดการเรียนรู้:
    หากเด็กไม่ได้รับการสอนหรือไม่มีตัวอย่างของการแสดงความเห็นอกเห็นใจ อาจไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อความรู้สึกของผู้อื่นอย่างไร
  • ประสบการณ์เชิงลบ:
    เด็กที่เคยประสบกับความรุนแรงหรือการถูกละเลย อาจแสดงพฤติกรรมที่เย็นชาต่อผู้อื่น
  • บุคลิกภาพหรือความผิดปกติทางพัฒนาการ:
    เด็กที่มีบุคลิกเงียบขรึม หรือมีปัญหาด้านพัฒนาการ เช่น ออทิสติก อาจมีความยากลำบากในการเข้าใจและตอบสนองต่ออารมณ์ของคนอื่น
  • การใช้หน้าจอหรือสื่อที่ไม่เหมาะสม:
    การเสพสื่อที่ไม่ส่งเสริมความเห็นอกเห็นใจ เช่น สื่อรุนแรง อาจทำให้เด็กไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น

3. วิธีสังเกตว่าเด็กขาดความเห็นอกเห็นใจ

  • ไม่สนใจเมื่อเห็นคนอื่นเดือดร้อน:
    เด็กไม่แสดงความห่วงใยเมื่อคนอื่นเสียใจ หรือไม่ตอบสนองเมื่อมีเพื่อนต้องการความช่วยเหลือ
  • พูดหรือแสดงพฤติกรรมที่ทำร้ายความรู้สึกผู้อื่น:
    เช่น การล้อเลียนหรือการเพิกเฉยต่อความรู้สึกของคนอื่น
  • ไม่เข้าใจอารมณ์ที่ซับซ้อน:
    เด็กไม่สามารถแยกแยะหรืออธิบายอารมณ์เช่น ความผิดหวัง หรือความกังวลของคนอื่นได้
  • หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์เชิงอารมณ์:
    เช่น การหลบตาหรือไม่สนใจเมื่อมีคนเล่าถึงปัญหาของตนเอง

4. วิธีสร้างความเห็นอกเห็นใจในเด็ก

4.1 สอนให้เด็กเข้าใจอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น
  • ใช้คำถามเพื่อกระตุ้นให้เด็กคิด เช่น “เพื่อนรู้สึกยังไงตอนที่ล้มลง?”
  • ใช้ภาพหรือการ์ดอารมณ์เพื่อช่วยเด็กแยกแยะอารมณ์ต่างๆ
4.2 แสดงตัวอย่างการแสดงความเห็นอกเห็นใจ
  • ผู้ปกครองควรแสดงพฤติกรรมที่เห็นอกเห็นใจ เช่น การปลอบโยน หรือการช่วยเหลือผู้อื่น
  • อธิบายเหตุผลให้เด็กเข้าใจ เช่น “แม่ช่วยคุณยายถือของเพราะคุณยายหนักมาก”
4.3 ฝึกการช่วยเหลือและแบ่งปัน
  • ชวนเด็กทำกิจกรรมที่ต้องช่วยเหลือกัน เช่น การปลูกต้นไม้ หรือการทำอาหารร่วมกับคนในครอบครัว
  • ส่งเสริมการแบ่งปัน เช่น การให้เด็กแบ่งของเล่นหรือขนมกับเพื่อน
4.4 สอนการแก้ไขปัญหาเชิงบวก
  • ชวนเด็กพูดคุยเมื่อเกิดความขัดแย้ง เช่น “หนูรู้สึกยังไงตอนเพื่อนแย่งของเล่น? แล้วเพื่อนเขารู้สึกยังไง?”
4.5 ใช้สื่อสร้างสรรค์
  • อ่านนิทานหรือดูหนังที่เน้นเรื่องการแสดงความห่วงใยและความเมตตาต่อผู้อื่น
  • พูดคุยเกี่ยวกับตัวละครในเรื่อง เช่น “ตัวละครนี้รู้สึกยังไง? ถ้าเป็นหนูจะทำยังไง?”
4.6 ให้คำชมเชยเมื่อเด็กแสดงความเห็นอกเห็นใจ
  • เช่น “แม่ภูมิใจที่หนูช่วยปลอบใจเพื่อนตอนเขาร้องไห้”
4.7 สร้างโอกาสในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • จัดกิจกรรมกลุ่มที่เด็กต้องทำงานร่วมกับเพื่อน เช่น การเล่นเกมกลุ่ม หรือกิจกรรมอาสาสมัคร

5. ตัวอย่างกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความเห็นอกเห็นใจ

  • เกมทายอารมณ์: ให้เด็กทายอารมณ์จากภาพสีหน้าหรือสถานการณ์จำลอง
  • การเล่านิทานและถามตอบ: เลือกนิทานที่มีบทเรียนเรื่องการแสดงความเมตตา แล้วถามเด็กว่าควรทำอย่างไรในสถานการณ์นั้น
  • กิจกรรมอาสาสมัคร: ชวนเด็กทำกิจกรรมช่วยเหลือ เช่น บริจาคของเล่น หรือช่วยงานในชุมชน

สรุป

ความเห็นอกเห็นใจเป็นทักษะที่สามารถสอนและพัฒนาได้ตั้งแต่วัยเด็ก หากเด็กไม่แสดงความรู้สึกต่อผู้อื่น อาจมาจากหลายปัจจัย ตั้งแต่พัฒนาการตามวัยไปจนถึงการขาดประสบการณ์ในการเรียนรู้

ด้วยการสร้างโอกาสให้เด็กฝึกปฏิสัมพันธ์ การสอนผ่านตัวอย่าง และการสนับสนุนเชิงบวก เด็กจะสามารถพัฒนาความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความสำเร็จในชีวิต

 

You may also like

Share via