ความแตกต่างระหว่างเด็กพูดช้าและเด็กที่มีปัญหาออทิสติกในแง่ของการสื่อสาร

ความแตกต่างระหว่างเด็กพูดช้าและเด็กที่มีปัญหาออทิสติกในแง่ของการสื่อสาร

by https://babyandmomthai.com/

ความแตกต่างระหว่างเด็กพูดช้าและเด็กที่มีปัญหาออทิสติกในแง่ของการสื่อสาร


บทนำ

พัฒนาการทางภาษาที่ล่าช้าของเด็กอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งหนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือการมองว่าเด็กพูดช้าคือเด็กที่มีปัญหาออทิสติก อย่างไรก็ตาม เด็กที่พูดช้ากับเด็กที่มีภาวะออทิสติกมีความแตกต่างกันในหลายมิติ โดยเฉพาะในแง่ของการสื่อสาร การเข้าสังคม และพฤติกรรม บทความนี้จะช่วยพ่อแม่แยกแยะระหว่างสองกรณี เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกได้อย่างเหมาะสม


เนื้อหา

1. การพูดช้าคืออะไร?

การพูดช้า (Speech Delay) หมายถึงการที่เด็กพัฒนาภาษาและการพูดช้ากว่าเกณฑ์ปกติ เด็กที่พูดช้าอาจยังมีความสามารถในการสื่อสารด้วยวิธีอื่น เช่น การใช้ท่าทางหรือการเลียนแบบเสียง ตัวอย่างลักษณะของเด็กพูดช้า:

  • เริ่มพูดคำแรกช้ากว่า 12-15 เดือน
  • มีคำศัพท์จำกัดในช่วงวัย 2 ปี
  • พูดประโยคง่ายๆ ไม่ได้ในวัย 3 ปี

2. ภาวะออทิสติกคืออะไร?

ออทิสติก (Autism Spectrum Disorder – ASD) เป็นความผิดปกติทางพัฒนาการที่ส่งผลต่อการสื่อสาร การเข้าสังคม และพฤติกรรม เด็กที่มีภาวะออทิสติกอาจแสดงพฤติกรรมที่หลากหลาย เช่น:

  • ขาดการสบตา
  • ไม่ตอบสนองต่อชื่อหรือคำสั่ง
  • พฤติกรรมซ้ำๆ เช่น การหมุนตัวหรือเล่นของเล่นแบบเดิมๆ

3. ความแตกต่างระหว่างเด็กพูดช้าและเด็กที่มีภาวะออทิสติก

หัวข้อ เด็กพูดช้า เด็กที่มีภาวะออทิสติก
การสบตา มักมีการสบตาและตอบสนองต่อคนรอบข้าง ขาดการสบตาหรือมองคนอื่นน้อยมาก
การใช้ท่าทาง ใช้ท่าทาง เช่น ชี้นิ้ว หรือโบกมือ เพื่อสื่อสาร ไม่ใช้ท่าทางหรือไม่แสดงออกด้วยภาษากาย
การตอบสนองต่อชื่อ มักตอบสนองเมื่อถูกเรียกชื่อ มักไม่ตอบสนองหรือดูเหมือนไม่สนใจ
พฤติกรรมซ้ำๆ ไม่มีพฤติกรรมซ้ำๆ ที่เด่นชัด มักมีพฤติกรรมซ้ำๆ เช่น การจัดเรียงสิ่งของ
การเรียนรู้ภาษา มักเรียนรู้คำศัพท์ช้าแต่พัฒนาต่อเนื่องเมื่อได้รับการกระตุ้น การพัฒนาภาษามักมีข้อจำกัดและขาดการเชื่อมโยงคำ
การเข้าสังคม สนใจเล่นกับเด็กคนอื่นหรือแสดงความต้องการเข้าหาผู้อื่น มักไม่สนใจหรือหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม

4. สัญญาณที่ชี้ว่าลูกอาจมีภาวะออทิสติก

  • ลูกไม่สบตาและไม่ตอบสนองต่อชื่อ
  • ลูกไม่ใช้ท่าทางหรือภาษากาย เช่น การชี้นิ้วหรือโบกมือ
  • ลูกไม่สนใจการเล่นสมมติ เช่น เล่นทำอาหารหรือขับรถของเล่น
  • ลูกมีพฤติกรรมซ้ำๆ เช่น หมุนของเล่น หรือพูดคำเดิมซ้ำๆ
  • ลูกไม่สนใจการเล่นกับเพื่อนหรือการเข้าสังคม

5. วิธีสังเกตว่าเป็นการพูดช้าชั่วคราวหรือภาวะออทิสติก

1. การสื่อสารและตอบสนอง:

  • หากลูกยังแสดงปฏิสัมพันธ์ เช่น หันมองเมื่อเรียกชื่อ ยิ้มตอบ หรือใช้ท่าทางเพื่อสื่อสาร อาจเป็นการพูดช้าชั่วคราว
  • หากลูกขาดการตอบสนองหรือไม่แสดงออกด้วยวิธีใดๆ อาจเป็นสัญญาณของออทิสติก

2. การพัฒนาต่อเนื่อง:

  • เด็กพูดช้ามักมีการพัฒนาภาษาต่อเนื่องเมื่อได้รับการกระตุ้น เช่น การอ่านนิทานหรือการพูดคุย
  • เด็กที่มีภาวะออทิสติกมักมีข้อจำกัดในการเรียนรู้ภาษา แม้ได้รับการกระตุ้น

3. การเล่นและการเข้าสังคม:

  • เด็กพูดช้ามักสนใจการเล่นกับคนอื่นหรือของเล่น
  • เด็กที่มีภาวะออทิสติกมักเล่นคนเดียวหรือเล่นของเล่นในรูปแบบซ้ำๆ

6. แนวทางการช่วยเหลือเด็กพูดช้าและเด็กที่มีภาวะออทิสติก

สำหรับเด็กพูดช้า:

  • กระตุ้นด้วยกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาษา: เช่น การอ่านนิทาน การร้องเพลง หรือการเล่นเกมคำศัพท์
  • สร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นภาษา: พูดคุยกับลูกอย่างต่อเนื่องและให้กำลังใจเมื่อลูกพยายามพูด
  • ปรึกษานักบำบัดด้านภาษา: หากลูกพูดช้าอย่างชัดเจน

สำหรับเด็กที่มีภาวะออทิสติก:

  • เข้ารับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ: การวินิจฉัยโดยกุมารแพทย์หรือนักพัฒนาการเด็กเป็นสิ่งสำคัญ
  • ใช้การบำบัดพฤติกรรม (ABA Therapy): เพื่อช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะทางภาษาและการเข้าสังคม
  • ส่งเสริมการเข้าสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป: เช่น การพาเด็กไปร่วมกิจกรรมกลุ่ม
  • สร้างกิจวัตรประจำวันที่คาดเดาได้: เด็กที่มีออทิสติกมักตอบสนองต่อกิจวัตรที่ชัดเจน

สรุป

เด็กพูดช้ากับเด็กที่มีภาวะออทิสติกมีลักษณะและความต้องการที่แตกต่างกัน การแยกแยะสองกรณีนี้ต้องอาศัยการสังเกตพฤติกรรมอย่างละเอียดและความเข้าใจที่ถูกต้อง หากพ่อแม่พบว่าลูกมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที การสนับสนุนที่ถูกต้องจะช่วยให้เด็กเติบโตอย่างมั่นใจและมีศักยภาพเต็มที่

 

You may also like

Share via