วิธีสังเกตพัฒนาการทางการสื่อสารในช่วง 1-3 ปีแรก

วิธีสังเกตพัฒนาการทางการสื่อสารในช่วง 1-3 ปีแรก

by https://babyandmomthai.com/
  1. วิธีสังเกตพัฒนาการทางการสื่อสารในช่วง 1-3 ปีแรก


    บทนำ

    ช่วงวัย 1-3 ปีแรกถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับพัฒนาการทางการสื่อสารและภาษา เด็กในวัยนี้เริ่มเปลี่ยนจากการสื่อสารผ่านการร้องไห้และการใช้ท่าทางไปสู่การพูดคำแรกและการสร้างประโยคอย่างง่าย หากพ่อแม่สามารถสังเกตพฤติกรรมและพัฒนาการของลูกได้อย่างใกล้ชิด จะช่วยให้สามารถระบุปัญหาและแก้ไขได้ตั้งแต่ต้น บทความนี้จะชี้แนะแนวทางในการสังเกตพัฒนาการทางการสื่อสารของเด็กในช่วงวัยนี้ พร้อมเกณฑ์สำคัญในแต่ละช่วงอายุ


    เนื้อหา

    ช่วงอายุ 1-2 ปี: จุดเริ่มต้นของการสื่อสาร

    1. การตอบสนองต่อเสียงและชื่อเรียก

    • เด็กในวัย 1 ปีควรเริ่มตอบสนองเมื่อถูกเรียกชื่อ เช่น หันไปตามเสียงหรือแสดงความสนใจ
    • หากลูกไม่ตอบสนองต่อเสียง อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินหรือความสนใจ

    2. การพูดคำแรก

    • เด็กส่วนใหญ่จะพูดคำง่ายๆ เช่น “พ่อ” “แม่” หรือชื่อของสิ่งที่คุ้นเคยในช่วงอายุ 12-15 เดือน
    • หากลูกยังไม่พูดคำแรกในช่วงนี้ อาจต้องจับตามองพัฒนาการด้านอื่นๆ เพิ่มเติม

    3. การใช้ท่าทางเพื่อสื่อสาร

    • เด็กอายุประมาณ 9-12 เดือนจะเริ่มใช้ท่าทาง เช่น ชี้นิ้ว โบกมือ หรือยื่นของให้ผู้อื่น
    • หากลูกไม่ใช้ท่าทางใดๆ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาการสื่อสาร

    4. การเลียนแบบเสียงและคำพูด

    • เด็กวัย 1 ปีควรเริ่มเลียนแบบเสียงสัตว์ เช่น “โฮ่ง” “เมี้ยว” หรือคำง่ายๆ ที่ผู้ใหญ่พูด
    • หากลูกไม่เลียนแบบหรือไม่มีความพยายามในการเลียนเสียง อาจบ่งบอกถึงปัญหาด้านการสื่อสาร

    ช่วงอายุ 2-3 ปี: การสร้างคำและประโยค

    1. การเพิ่มคลังคำศัพท์

    • เด็กอายุ 2 ปีควรมีคลังคำศัพท์ประมาณ 50-100 คำ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่ช่วง 3 ปี
    • หากลูกมีคำศัพท์น้อยกว่านี้มาก อาจต้องเริ่มกระตุ้นผ่านการพูดคุยและอ่านนิทาน

    2. การเชื่อมคำเพื่อสร้างประโยค

    • เด็กในวัยนี้จะเริ่มเชื่อมคำ เช่น “กินข้าว” หรือ “ไปเล่น” และพัฒนาเป็นประโยคที่ซับซ้อนมากขึ้น
    • หากลูกยังพูดเป็นคำเดี่ยวๆ ควรปรึกษานักบำบัดด้านภาษา

    3. การทำตามคำสั่งง่ายๆ

    • เด็กวัย 2-3 ปีควรสามารถทำตามคำสั่งง่ายๆ เช่น “หยิบลูกบอล” หรือ “ไปนั่งตรงนั้น”
    • หากลูกไม่ตอบสนองหรือดูเหมือนไม่เข้าใจคำสั่ง อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้ภาษา

    4. การพูดโต้ตอบ

    • เด็กควรสามารถพูดโต้ตอบอย่างง่าย เช่น การตอบคำถามว่า “อยากกินอะไร” หรือการเล่าเรื่องสั้นๆ
    • หากลูกหลีกเลี่ยงการโต้ตอบหรือไม่สามารถสื่อสารความต้องการ อาจต้องประเมินพัฒนาการอย่างละเอียด

    ปัญหาที่ควรระวังในช่วง 1-3 ปี

    1. การพูดช้า

    • เด็กที่ไม่พูดคำเดี่ยวเมื่ออายุ 1.5 ปี หรือไม่เชื่อมคำเมื่ออายุ 2 ปี อาจมีความล่าช้าในการพัฒนาภาษา

    2. การตอบสนองต่อเสียงลดลง

    • หากลูกไม่ตอบสนองต่อเสียง อาจเกิดจากปัญหาการได้ยิน หรือปัญหาด้านพัฒนาการทางสมอง

    3. การใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมกับวัย

    • เด็กวัย 3 ปีควรสามารถพูดในรูปแบบประโยคที่เข้าใจได้ หากยังใช้ภาษาที่เข้าใจยาก อาจเป็นสัญญาณของปัญหา

    4. ความล่าช้าด้านสังคม

    • เด็กที่ไม่แสดงท่าทางทางสังคม เช่น การมองหน้าเมื่อพูดคุยหรือการเล่นโต้ตอบ อาจมีปัญหาด้านพัฒนาการสังคมร่วมด้วย

    แนวทางการกระตุ้นพัฒนาการ

    1. พูดคุยกับลูกตลอดเวลา
    ใช้คำพูดง่ายๆ และซ้ำๆ เพื่อช่วยให้ลูกเข้าใจและจดจำคำศัพท์ใหม่

    2. อ่านนิทานและร้องเพลง
    การอ่านนิทานหรือร้องเพลงช่วยกระตุ้นการจดจำคำศัพท์และสร้างความสนใจในการสื่อสาร

    3. ใช้คำถามปลายเปิด
    ถามคำถามที่ต้องการคำตอบมากกว่าการพยักหน้าหรือส่ายหัว เช่น “วันนี้ลูกเล่นอะไรสนุกที่สุด?”

    4. ลดการใช้หน้าจอ
    การใช้โทรศัพท์หรือทีวีมากเกินไปอาจลดโอกาสในการโต้ตอบและพัฒนาทักษะทางภาษา

    5. เล่นเกมที่เน้นการสื่อสาร
    เลือกกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างการพูด เช่น เกมบอกชื่อสิ่งของ หรือเกมเลียนเสียงสัตว์


    สรุป

    พัฒนาการทางการสื่อสารในช่วงวัย 1-3 ปีแรกเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาการในระยะยาว การสังเกตพฤติกรรมและพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้พ่อแม่สามารถระบุปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ การกระตุ้นผ่านกิจกรรมที่เหมาะสม รวมถึงการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็น จะช่วยให้ลูกเติบโตพร้อมทักษะทางการสื่อสารที่สมบูรณ์

 

You may also like

Share via