เทคนิคการสร้างทักษะการฟังและพูดในเด็กวัยเรียน

เทคนิคการสร้างทักษะการฟังและพูดในเด็กวัยเรียน

by https://babyandmomthai.com/

เทคนิคการสร้างทักษะการฟังและพูดในเด็กวัยเรียน


บทนำ

การฟังและการพูดเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้เด็กวัยเรียน (6-12 ปี) สามารถสื่อสารความคิด ความรู้สึก และข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะทั้งสองนี้ไม่เพียงช่วยเสริมพัฒนาการด้านภาษา แต่ยังส่งผลต่อความสำเร็จในด้านการเรียนและความสัมพันธ์ในสังคม การสนับสนุนให้เด็กพัฒนาทักษะการฟังและพูดจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ปกครองและครู บทความนี้จะนำเสนอเทคนิคและแนวทางสร้างเสริมทักษะการฟังและพูดในเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ


เนื้อหา

1. ความสำคัญของการฟังและพูดในเด็กวัยเรียน
  • ช่วยพัฒนาการเรียนรู้: การฟังและพูดที่ดีช่วยให้เด็กเข้าใจเนื้อหาที่เรียนและสามารถตอบคำถามหรืออภิปรายได้
  • เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม: เด็กที่มีทักษะการฟังและพูดที่ดีมักสร้างมิตรภาพและแก้ไขข้อขัดแย้งในสังคมได้ดี
  • เพิ่มความมั่นใจในตนเอง: เด็กที่พูดได้ชัดเจนและฟังอย่างตั้งใจมักมีความมั่นใจในการแสดงออก

2. เทคนิคพัฒนาทักษะการฟังในเด็ก
2.1 สร้างความสนใจในการฟัง
  • ใช้เรื่องเล่าหรือกิจกรรมที่น่าสนใจเพื่อกระตุ้นให้เด็กตั้งใจฟัง
  • ชวนเด็กตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังเพื่อกระตุ้นการคิดวิเคราะห์

ตัวอย่าง:
เล่านิทานให้เด็กฟังแล้วถามว่า “ลูกคิดว่าตัวละครจะทำอะไรต่อไป?”


2.2 ฝึกฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening)
  • สอนเด็กให้มีสมาธิและไม่ขัดจังหวะขณะฟัง
  • ให้เด็กสะท้อนสิ่งที่ได้ยิน เช่น “ลูกเข้าใจว่าเพื่อนกำลังพูดถึงอะไร?”

ตัวอย่าง:
ให้เด็กจับใจความจากบทสนทนาในคลาสเรียนและเล่ากลับมา


2.3 ใช้กิจกรรมเสริมทักษะการฟัง
  • เล่นเกมที่เน้นการฟัง เช่น เกม Simon Says หรือเกมเล่านิทานต่อ
  • เปิดพอดแคสต์หรือวิดีโอการศึกษาให้เด็กฟัง แล้วให้พวกเขาสรุปเนื้อหา

ตัวอย่าง:
เปิดเสียงธรรมชาติหรือเพลงแล้วถามเด็กว่าได้ยินเสียงอะไรบ้าง


3. เทคนิคพัฒนาทักษะการพูดในเด็ก
3.1 สนับสนุนการแสดงความคิดเห็น
  • เปิดโอกาสให้เด็กแสดงความคิดในเรื่องต่าง ๆ และให้คำชมเชยเมื่อพวกเขากล้าพูด
  • สอนให้เด็กพูดอย่างสุภาพและมีเหตุผล

ตัวอย่าง:
“ลูกคิดว่าทำไมตัวละครในเรื่องถึงเลือกทำแบบนี้?”


3.2 ฝึกการพูดอย่างชัดเจนและตรงประเด็น
  • ให้เด็กฝึกพูดโดยการเล่าเรื่องสั้น ๆ หรืออธิบายสิ่งที่สนใจ
  • ช่วยแก้ไขคำพูดหรือการออกเสียงที่ไม่ชัดเจนอย่างนุ่มนวล

ตัวอย่าง:
“ลองเล่าเรื่องหนังสือที่ลูกอ่านวันนี้ให้แม่ฟังใน 5 ประโยคได้ไหม?”


3.3 เสริมความมั่นใจในการพูด
  • ใช้คำชมเพื่อเสริมกำลังใจเมื่อเด็กแสดงออกอย่างมั่นใจ
  • ไม่ตำหนิหรือหัวเราะเยาะหากเด็กพูดผิด

ตัวอย่าง:
“แม่ชอบที่ลูกอธิบายได้ดีมาก แต่ถ้าเราเปลี่ยนคำนี้จะเข้าใจง่ายขึ้นนะ”


3.4 ใช้เกมหรือกิจกรรมสนุก ๆ เพื่อฝึกพูด
  • เล่นเกมบทบาทสมมติ เช่น ให้เด็กเป็นครู นักข่าว หรือเจ้าของร้านค้า
  • จัดเวทีเล็ก ๆ ที่บ้านให้เด็กพูดหรือแสดงความสามารถ

ตัวอย่าง:
จัดกิจกรรม “เล่านิทานวันศุกร์” ให้เด็กผลัดกันเล่าเรื่องที่พวกเขาชอบ


4. กิจกรรมที่ช่วยพัฒนาทักษะการฟังและพูด
4.1 การอ่านนิทานร่วมกัน
  • ให้เด็กผลัดกันอ่านและเล่าความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน
  • ชวนเด็กสรุปบทเรียนหรือข้อคิดจากนิทาน

ตัวอย่าง:
“ลูกคิดว่าตัวละครหลักเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้?”


4.2 การอภิปรายหรือโต้วาทีในครอบครัว
  • เลือกหัวข้อที่เหมาะกับเด็ก เช่น “ลูกชอบวิชาวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์มากกว่า?”
  • ให้เด็กฝึกแสดงเหตุผลและฟังความคิดเห็นของคนอื่น

ตัวอย่าง:
“ลูกคิดว่าเราควรช่วยกันลดขยะที่บ้านได้อย่างไร?”


4.3 การดูภาพยนตร์หรือรายการการศึกษา
  • ชวนเด็กดูรายการหรือภาพยนตร์ที่เหมาะสม แล้วพูดคุยถึงสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้
  • ถามคำถามที่กระตุ้นให้เด็กคิดวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็น

ตัวอย่าง:
“ลูกคิดว่าตัวละครทำแบบนี้เพราะอะไร?”


5. ข้อควรหลีกเลี่ยงในการพัฒนาทักษะการฟังและพูด
  • อย่าตำหนิหรือวิจารณ์รุนแรง: การวิจารณ์เด็กเมื่อพูดผิดอาจทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจ
  • อย่าขัดจังหวะ: การขัดจังหวะอาจทำให้เด็กไม่กล้าพูดหรือแสดงความคิดเห็น
  • อย่าเร่งรัด: เด็กแต่ละคนมีจังหวะการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ควรให้เวลาพวกเขาฝึกฝน

สรุป

การพัฒนาทักษะการฟังและพูดในเด็กวัยเรียนเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้และการสร้างความสัมพันธ์ในสังคม ผู้ปกครองและครูสามารถสนับสนุนเด็กผ่านกิจกรรมที่สนุกและหลากหลาย พร้อมทั้งแสดงความเข้าใจและให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง เด็กที่มีทักษะการฟังและพูดที่ดีจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจและสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

You may also like

Share via