บทบาทของพ่อแม่ในการเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านสังคม
บทนำ
เด็กวัย 1-3 ปีเรียนรู้ทักษะทางสังคมและพฤติกรรมส่วนใหญ่จากการสังเกตและเลียนแบบบุคคลใกล้ชิด โดยเฉพาะพ่อแม่และผู้ปกครองที่อยู่ใกล้ตัว การเป็นแบบอย่างที่ดีจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวกและพัฒนาทักษะทางสังคมของเด็ก พ่อแม่ที่แสดงพฤติกรรมในเชิงบวก เช่น การมีน้ำใจ การแบ่งปัน และการรับฟัง จะช่วยสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้ลูกในด้านความสัมพันธ์และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น บทความนี้จะพูดถึงบทบาทของพ่อแม่ในการเป็นแบบอย่างด้านสังคมและเทคนิคที่สามารถนำไปปฏิบัติได้
เนื้อหา
ความสำคัญของพ่อแม่ในการเป็นแบบอย่าง
- เด็กเรียนรู้จากการเลียนแบบ:
- เด็กวัยนี้มีพฤติกรรมเลียนแบบสูง การที่พ่อแม่แสดงพฤติกรรมที่ดีช่วยให้เด็กเข้าใจสิ่งที่เหมาะสม
- สร้างพฤติกรรมที่เหมาะสมในระยะยาว:
- พฤติกรรมทางสังคม เช่น การเคารพผู้อื่น หรือการแสดงความขอบคุณ สามารถปลูกฝังได้ตั้งแต่เล็ก
- ส่งเสริมความมั่นใจและความไว้วางใจในตัวเด็ก:
- พ่อแม่ที่ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตาและยุติธรรม ช่วยให้เด็กรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ
- ช่วยพัฒนาอารมณ์และการจัดการความขัดแย้ง:
- เด็กที่เห็นพ่อแม่จัดการปัญหาด้วยความสงบจะเรียนรู้วิธีแก้ไขปัญหาในลักษณะเดียวกัน
พฤติกรรมเชิงบวกที่พ่อแม่ควรแสดงเป็นตัวอย่าง
- การแสดงความเคารพผู้อื่น:
- ใช้คำพูดสุภาพ เช่น “ขอโทษ” “ขอบคุณ” และ “ได้โปรด”
- เคารพความคิดเห็นและพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่น
- การมีน้ำใจและช่วยเหลือ:
- ช่วยเหลือเพื่อนบ้านหรือคนในครอบครัว และอธิบายให้ลูกเข้าใจว่า “แม่ช่วยป้าถือของ เพราะของหนักมาก”
- การฟังและตอบสนองอย่างตั้งใจ:
- แสดงให้เห็นว่าการฟังผู้อื่นสำคัญ เช่น หันหน้ามองและพยักหน้าเมื่อสนทนา
- การจัดการกับความโกรธและความขัดแย้ง:
- หากมีความขัดแย้งในครอบครัว ให้พูดคุยด้วยเหตุผลและแสดงการจัดการปัญหาอย่างสงบ
- การปฏิบัติตามกฎระเบียบ:
- ปฏิบัติตามกฎในสถานที่ต่าง ๆ เช่น การรอคิวในซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อให้เด็กเห็นว่ากฎระเบียบสำคัญ
เทคนิคในการเป็นแบบอย่างที่ดี
- ใช้คำพูดที่เหมาะสม:
- หลีกเลี่ยงคำพูดเชิงลบ เช่น การตำหนิหรือการพูดหยาบคาย
- ใช้คำพูดที่สนับสนุน เช่น “ลูกทำได้ดีมากเลย” หรือ “ไม่เป็นไร ลองใหม่ได้นะ”
- แสดงออกด้วยการกระทำ:
- เด็กเรียนรู้จากสิ่งที่พ่อแม่ทำมากกว่าสิ่งที่พูด เช่น การเก็บขยะทิ้งถังหรือการแบ่งปันขนม
- เปิดโอกาสให้ลูกถามและแสดงความคิดเห็น:
- ส่งเสริมให้ลูกถามสิ่งที่สงสัย และตอบคำถามด้วยความเข้าใจ เช่น “ทำไมเราต้องแบ่งของให้เพื่อน?”
- สอนผ่านกิจกรรมในชีวิตประจำวัน:
- เช่น การซื้อของในร้านค้า สอนลูกให้พูด “ขอบคุณ” เมื่อรับของ
- สะท้อนพฤติกรรมกลับให้ลูกเห็น:
- หากลูกแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น แย่งของเล่น ควรพูดคุยและชี้ให้เห็นว่า “ถ้าเพื่อนทำแบบนี้กับลูก ลูกจะรู้สึกอย่างไร?”
ตัวอย่างสถานการณ์และวิธีแสดงเป็นแบบอย่าง
- สถานการณ์: การช่วยเหลือผู้อื่น
- หากมีเพื่อนบ้านขอความช่วยเหลือ เช่น ยกของหนัก ให้ลูกเห็นว่าคุณช่วยด้วยความเต็มใจ
- อธิบายว่า “การช่วยคนอื่นทำให้เขามีความสุข และเราก็รู้สึกดีที่ได้ช่วย”
- สถานการณ์: การจัดการความขัดแย้งในครอบครัว
- หากมีความเห็นไม่ตรงกับคู่สมรส ให้แก้ไขด้วยการพูดคุยอย่างสงบ และอธิบายให้ลูกฟังว่า “แม่กับพ่อกำลังหาทางแก้ปัญหาแบบไม่ทะเลาะกันนะจ๊ะ”
- สถานการณ์: การปฏิบัติตามกฎในที่สาธารณะ
- หากไปสวนสนุกและต้องรอคิว แสดงให้ลูกเห็นว่าคุณยืนรออย่างอดทน และพูดว่า “การรอคิวเป็นมารยาทที่ดีในสังคมนะจ๊ะ”
ข้อควรระวังในการเป็นแบบอย่าง
- ระวังพฤติกรรมที่ขัดแย้งกับสิ่งที่สอน:
- หากสอนลูกให้พูดสุภาพ แต่ผู้ปกครองพูดจาหยาบคาย เด็กอาจสับสนและไม่ทำตาม
- อย่าแสดงอารมณ์เชิงลบต่อหน้าลูก:
- เช่น การโกรธหรือดุด่าคนอื่น เพราะเด็กอาจเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านี้
- หลีกเลี่ยงการแสดงความลำเอียง:
- การแสดงความลำเอียงระหว่างลูกคนหนึ่งกับอีกคน อาจทำให้เด็กเกิดความรู้สึกไม่เท่าเทียม
วิธีวัดผลการเป็นแบบอย่าง
- สังเกตพฤติกรรมของลูก:
- หากลูกเริ่มพูดคำสุภาพหรือช่วยเหลือคนอื่น แสดงว่าการเป็นแบบอย่างได้ผล
- ฟังคำพูดและความคิดเห็นของลูก:
- เด็กที่ได้รับแบบอย่างที่ดีมักมีแนวโน้มพูดจาและแสดงออกในเชิงบวก
- สอบถามความคิดเห็น:
- ถามลูกว่า “ลูกคิดว่าการช่วยเหลือคนอื่นดีไหม?” เพื่อดูมุมมองของเขา
สรุป
บทบาทของพ่อแม่ในการเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านสังคมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการของเด็ก การแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสม การปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ และการจัดการปัญหาอย่างสงบ จะช่วยให้เด็กเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนในสังคมอย่างเหมาะสม การเป็นแบบอย่างที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้เด็กมีทักษะทางสังคมที่แข็งแรง แต่ยังเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวที่แน่นแฟ้นและอบอุ่น