การสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูดของเด็กทารก

การสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูดของเด็กทารก

by https://babyandmomthai.com/

การสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูดของเด็กทารก


บทนำ

แม้ว่าทารกยังไม่สามารถพูดได้ในปีแรก แต่พวกเขาก็สามารถสื่อสารกับโลกผ่านวิธีการที่หลากหลายซึ่งไม่ใช้คำพูด การสื่อสารเหล่านี้รวมถึงการส่งเสียง “อ้อแอ้,” การใช้ภาษากาย เช่น การชี้ การจับมือ หรือแม้แต่การร้องไห้ การเข้าใจวิธีการสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูดของลูกน้อยช่วยให้พ่อแม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกได้ดียิ่งขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น บทความนี้จะอธิบายลักษณะของการสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูดในเด็กทารก พร้อมแนะนำวิธีสังเกตและสนับสนุนพัฒนาการของลูก


เนื้อหา

1. รูปแบบของการสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูดในเด็กทารก
  • เสียง:
    เด็กสื่อสารผ่านเสียงต่างๆ เช่น การส่งเสียง “อ้อแอ้,” การหัวเราะ หรือการร้องไห้
    • ตัวอย่าง:
      • เสียง “อ้อแอ้” แสดงความพอใจ
      • การร้องไห้แหลมอาจแสดงถึงความเจ็บปวด
  • การแสดงออกทางสีหน้า:
    เด็กแสดงอารมณ์ผ่านการยิ้ม การขมวดคิ้ว หรือการเบะปาก
    • ตัวอย่าง:
      • ยิ้มเมื่อมีความสุขหรือได้รับการตอบสนองที่ดี
      • เบะปากหรือทำหน้าบึ้งเมื่อต้องการบางสิ่ง
  • ภาษากาย:
    การเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การเอื้อมมือ การชี้ หรือการเคลื่อนไหวศีรษะ
    • ตัวอย่าง:
      • การเอื้อมมือแสดงว่าต้องการอุ้มหรือหยิบของ
      • การเขย่าหรือหันหัวปฏิเสธแสดงถึงการไม่ต้องการ
  • การสบตา:
    เด็กแสดงความสนใจหรือความต้องการผ่านการจ้องตา
    • ตัวอย่าง:
      • การมองหน้าแม่ขณะให้นมแสดงถึงความไว้วางใจ
      • การหลบตาอาจบ่งบอกถึงความไม่สบายใจ

2. พัฒนาการของการสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูดในแต่ละช่วงวัย
  • แรกเกิดถึง 3 เดือน:
    เด็กเริ่มใช้เสียงร้องและสีหน้าเพื่อบอกความต้องการ เช่น หิว เหนื่อย หรือไม่สบายตัว
    • ตัวอย่าง:
      • ร้องไห้เพื่อขอให้อุ้มหรือให้นม
      • ยิ้มสะท้อนเมื่อได้รับความอบอุ่น
  • 4-6 เดือน:
    เด็กเริ่มมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้นผ่านการส่งเสียงและการใช้ร่างกาย
    • ตัวอย่าง:
      • หัวเราะเมื่อเล่นสนุก
      • เอื้อมมือไปจับวัตถุที่สนใจ
  • 7-9 เดือน:
    เด็กเริ่มใช้ภาษากายที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การชี้หรือการโบกมือ
    • ตัวอย่าง:
      • ชี้ไปที่วัตถุที่ต้องการ
      • โบกมือเมื่อบอกลา
  • 10-12 เดือน:
    เด็กสามารถใช้การสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูดร่วมกับเสียงที่มีความหมาย
    • ตัวอย่าง:
      • ใช้เสียง “มามา” พร้อมชี้ไปที่แม่
      • ตบมือหรือยิ้มเมื่อพอใจ

3. วิธีสังเกตการสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูดของลูก
  • จับสัญญาณจากเสียง:
    ฟังโทนเสียงของลูก เช่น เสียงที่นุ่มนวลมักแสดงความสุข
  • สังเกตสีหน้า:
    มองหาการเปลี่ยนแปลงในสีหน้า เช่น ยิ้มเมื่อพอใจ หรือหน้าบึ้งเมื่อหงุดหงิด
  • ใส่ใจกับการเคลื่อนไหวร่างกาย:
    สังเกตการเอื้อมมือ การชี้ หรือการเคลื่อนไหวศีรษะ
  • สร้างการสบตา:
    มองตาลูกเพื่อสร้างการเชื่อมโยงและสังเกตว่าลูกมองตอบหรือไม่

4. วิธีส่งเสริมการสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูด
  • ตอบสนองทันที:
    หากลูกส่งสัญญาณ เช่น ชี้หรือร้องไห้ พ่อแม่ควรตอบสนองอย่างรวดเร็ว
  • ใช้ภาษากายควบคู่กับคำพูด:
    เช่น ชี้สิ่งของพร้อมพูดชื่อ หรือโบกมือพร้อมพูดคำว่า “บ๊ายบาย”
  • สร้างโอกาสในการโต้ตอบ:
    เล่นเกมที่กระตุ้นการตอบสนอง เช่น “จ๊ะเอ๋” หรือการโยนลูกบอล
  • สนับสนุนการแสดงออกของลูก:
    กระตุ้นให้ลูกชี้หรือใช้ท่าทาง เช่น ถามว่า “ลูกอยากได้อะไร? ชี้ให้แม่ดูสิ”
  • อ่านสีหน้าและอารมณ์:
    แสดงออกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เหมาะสม เช่น ยิ้มตอบเมื่อลูกยิ้ม

5. ข้อควรระวัง
  • การเพิกเฉยต่อสัญญาณของลูก:
    หากลูกส่งเสียงหรือทำท่าทางแล้วไม่ได้รับการตอบสนอง อาจทำให้ลูกหยุดพยายามสื่อสาร
  • การแสดงอารมณ์เชิงลบ:
    เช่น การตะคอกหรือทำหน้าบึ้ง อาจทำให้ลูกเกิดความกลัวและลดความมั่นใจ
  • การพึ่งพาหน้าจอมากเกินไป:
    การใช้หน้าจอแทนการปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่อาจลดโอกาสในการพัฒนาทักษะการสื่อสาร

สรุป

การสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูดของเด็กทารกเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้การสื่อสาร พ่อแม่สามารถเข้าใจความต้องการและอารมณ์ของลูกได้ผ่านเสียง สีหน้า และภาษากาย การตอบสนองอย่างสม่ำเสมอและสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและกระตุ้นพัฒนาการของลูก การสื่อสารที่ดีในช่วงปีแรกของชีวิตวางรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและการพัฒนาภาษาในอนาคต

 

You may also like

Share via