เด็กพูดช้าหรือไม่พูดเลย: ควรเริ่มกังวลเมื่อไหร่?

เด็กพูดช้าหรือไม่พูดเลย: ควรเริ่มกังวลเมื่อไหร่?

by babyandmomthai.com

เด็กพูดช้าหรือไม่พูดเลย: ควรเริ่มกังวลเมื่อไหร่?


บทนำ

การพูดเป็นหนึ่งในพัฒนาการสำคัญของเด็กที่พ่อแม่มักใช้เป็นตัวชี้วัดว่าลูกกำลังเติบโตสมวัยหรือไม่ เด็กบางคนอาจเริ่มพูดช้ากว่าเด็กคนอื่น ซึ่งอาจไม่ได้หมายถึงความผิดปกติในทันที แต่หากลูกของคุณยังไม่พูดหรือแสดงพัฒนาการทางภาษาในช่วงเวลาที่ควรเป็น อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงปัญหาด้านพัฒนาการที่ควรได้รับการช่วยเหลือ

บทความนี้จะเจาะลึกถึงสาเหตุที่เด็กพูดช้าหรือไม่พูดเลย วิธีสังเกต และขั้นตอนที่ควรดำเนินการหากพบปัญหาดังกล่าว


พัฒนาการทางภาษาของเด็กในช่วงวัยต่างๆ

การสังเกตพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัยสามารถช่วยให้พ่อแม่รับรู้ได้ว่าเด็กกำลังเติบโตอย่างเหมาะสมหรือไม่:

  • อายุ 0-6 เดือน: เด็กจะเริ่มส่งเสียงร้องแบบต่างๆ เพื่อแสดงความต้องการ เช่น เสียงร้องหิวหรือร้องง่วง
  • อายุ 6-12 เดือน: เริ่มเปล่งเสียงพยางค์ เช่น “บา-บา” หรือ “ดา-ดา” และอาจเริ่มพูดคำง่ายๆ เช่น “แม่” หรือ “พ่อ”
  • อายุ 12-18 เดือน: เด็กควรเริ่มพูดคำที่มีความหมายได้ 5-10 คำ
  • อายุ 18-24 เดือน: เด็กควรเริ่มรวมคำเป็นประโยคสั้นๆ เช่น “เอานม” หรือ “ไปเล่น”
  • อายุ 2-3 ปี: เด็กควรสามารถพูดประโยคยาว 3-4 คำ และเข้าใจคำถามง่ายๆ

หากเด็กไม่มีพัฒนาการตามวัยที่กล่าวมาข้างต้น ควรเริ่มสังเกตและประเมินว่าเป็นเพราะเหตุใด


สาเหตุที่เด็กพูดช้าหรือไม่พูดเลย

1. ปัญหาด้านการได้ยิน

การสูญเสียการได้ยินหรือปัญหาด้านหู เช่น หูน้ำหนวก อาจทำให้เด็กไม่สามารถเรียนรู้เสียงและคำพูดได้อย่างเหมาะสม

2. ความล่าช้าทางพัฒนาการโดยทั่วไป

เด็กที่มีพัฒนาการช้าในทุกด้าน เช่น ด้านการเคลื่อนไหวและการสื่อสาร มักมีปัญหาการพูดล่าช้าร่วมด้วย

3. อาการออทิสติกสเปกตรัม (ASD)

เด็กที่มีอาการออทิสติกมักมีปัญหาในการสื่อสารทั้งด้านการพูดและการใช้ภาษากาย เช่น ไม่พูด ไม่สบตา หรือไม่ตอบสนองเมื่อถูกเรียกชื่อ

4. ปัญหาด้านสมองและระบบประสาท

เด็กที่มีภาวะทางระบบประสาท เช่น สมองพิการหรือปัญหาด้านการทำงานของสมอง อาจส่งผลต่อความสามารถในการพูดและการสื่อสาร

5. การเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อม

เด็กที่ไม่ได้รับการกระตุ้นทางภาษา เช่น การพูดคุย อ่านหนังสือ หรือร้องเพลง อาจมีพัฒนาการด้านภาษาช้ากว่าปกติ

6. ความผิดปกติทางกายภาพ

ปัญหาด้านกล้ามเนื้อที่ใช้ในการพูด เช่น ลิ้นติด หรือความผิดปกติของกล่องเสียง อาจทำให้เด็กพูดช้าหรือไม่พูด


สัญญาณที่พ่อแม่ควรเริ่มกังวล

  1. อายุ 12 เดือน:
    • ไม่ส่งเสียงพยางค์ เช่น “บา-บา” หรือ “มามา”
    • ไม่พยายามเลียนเสียงหรือพูดคำง่ายๆ
  2. อายุ 18 เดือน:
    • มีคำพูดที่มีความหมายได้น้อยกว่า 10 คำ
    • ไม่พยายามสื่อสารผ่านคำพูดหรือภาษากาย
  3. อายุ 24 เดือน:
    • ไม่สามารถรวมคำเป็นประโยคสั้นๆ เช่น “เอาน้ำ”
    • ไม่เข้าใจคำถามง่ายๆ หรือคำสั่งพื้นฐาน
  4. อายุ 3 ปี:
    • ไม่สามารถพูดประโยคที่สมบูรณ์หรือเล่าเรื่องง่ายๆ ได้
    • การพูดไม่ชัดเจนจนคนอื่นไม่สามารถเข้าใจได้

แนวทางการช่วยเหลือเด็กที่พูดช้าหรือไม่พูด

1. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
  • พบกุมารแพทย์เพื่อประเมินปัญหาเบื้องต้น
  • หากจำเป็น ควรพาเด็กไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านการพูด นักพัฒนาการเด็ก หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโสตวิทยา
2. กระตุ้นการพูดในชีวิตประจำวัน
  • พูดคุยกับลูกบ่อยๆ: ใช้คำศัพท์ง่ายๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมประจำวัน
  • เล่านิทานและร้องเพลง: กิจกรรมเหล่านี้ช่วยเพิ่มคำศัพท์และดึงความสนใจของเด็ก
  • ตั้งคำถาม: กระตุ้นให้เด็กตอบ แม้จะเป็นเพียงคำง่ายๆ เช่น “ใช่” หรือ “ไม่ใช่”
3. ใช้ภาษากายและท่าทางช่วย

ใช้การชี้ การแสดงท่าทาง หรือภาษามือร่วมกับการพูด เพื่อช่วยให้เด็กเข้าใจและเชื่อมโยงคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น

4. ลดเวลาอยู่กับหน้าจอ

การใช้เวลาอยู่กับหน้าจอ เช่น ดูทีวีหรือเล่นแท็บเล็ตมากเกินไป อาจลดโอกาสที่เด็กจะเรียนรู้การสื่อสารจากปฏิสัมพันธ์กับคนจริง

5. สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการพูด

จัดพื้นที่และกิจกรรมที่กระตุ้นให้เด็กพูด เช่น การเล่นบทบาทสมมติ การเล่นกับเพื่อน หรือการใช้ของเล่นที่ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้


ตัวอย่างกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการพูด

  1. เกมบอกชื่อสิ่งของ:
    ถือสิ่งของหรือรูปภาพแล้วถามเด็ก เช่น “นี่คืออะไร?”
  2. การเล่าเรื่องผ่านภาพ:
    ใช้ภาพหรือหนังสือภาพเพื่อเล่าเรื่องและให้เด็กพูดตาม
  3. การเล่นบทบาทสมมติ:
    ใช้ตุ๊กตาหรือของเล่นจำลอง เช่น การทำอาหาร หรือการเดินทาง เพื่อกระตุ้นการพูด
  4. การทำกิจกรรมซ้ำๆ:
    กิจกรรมที่มีรูปแบบซ้ำๆ เช่น การร้องเพลงที่มีคำซ้ำ จะช่วยให้เด็กจดจำและพูดตามได้ง่าย

สรุป

เด็กพูดช้าหรือไม่พูดเลยอาจเกิดจากหลายปัจจัย ตั้งแต่ความแตกต่างของพัฒนาการตามธรรมชาติไปจนถึงปัญหาทางระบบประสาทหรือการเลี้ยงดูที่ขาดการกระตุ้น การสังเกตพัฒนาการของลูกและการให้ความสำคัญกับช่วงวัยที่เหมาะสมคือกุญแจสำคัญ หากพบปัญหา ควรดำเนินการแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและสร้างกิจกรรมที่ส่งเสริมการพูดในชีวิตประจำวัน

 

You may also like

Share via