5 สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเมื่อสงสัยว่าลูกพูดช้า

5 สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเมื่อสงสัยว่าลูกพูดช้า

by https://babyandmomthai.com/

5 สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเมื่อสงสัยว่าลูกพูดช้า


บทนำ

การสังเกตว่าลูกพูดช้ากว่าปกติอาจทำให้พ่อแม่รู้สึกกังวลใจ พัฒนาการทางภาษาของเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน แต่ในบางกรณี การพูดช้าอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ควรได้รับการดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ การดำเนินการอย่างเหมาะสมและทันท่วงทีจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาภาษาของลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะนำเสนอ 5 สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเมื่อสงสัยว่าลูกพูดช้า


1. สังเกตและจดบันทึกพฤติกรรมของลูก

การจดบันทึกช่วยให้พ่อแม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเมื่อต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

สิ่งที่ควรสังเกต:

  • คำแรก: ลูกเริ่มพูดคำแรกเมื่อใด
  • คำศัพท์: จำนวนคำศัพท์ที่ลูกใช้ในชีวิตประจำวัน
  • การตอบสนอง: ลูกตอบสนองต่อคำสั่งง่ายๆ หรือชื่อของตัวเองหรือไม่
  • พฤติกรรมการสื่อสารอื่นๆ: เช่น การใช้ท่าทาง การชี้ หรือการแสดงออกทางใบหน้า

ประโยชน์:

  • ช่วยระบุปัญหาและวิเคราะห์ว่าพัฒนาการของลูกช้ากว่าเกณฑ์หรือไม่
  • ให้ข้อมูลที่ชัดเจนเมื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

2. สร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นการพูด

การสร้างโอกาสให้ลูกพูดหรือโต้ตอบช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางภาษา

วิธีทำ:

  • พูดคุยกับลูกบ่อยๆ: พูดถึงสิ่งที่ทำ เช่น “แม่กำลังทำอาหารอยู่” หรือ “นี่คือลูกบอล”
  • อ่านนิทาน: เลือกนิทานที่มีภาพประกอบและคำศัพท์ง่ายๆ ชวนลูกตอบคำถามจากภาพ
  • เล่นเกมคำศัพท์: เช่น เกมจับคู่คำกับภาพ หรือเลียนเสียงสัตว์

ประโยชน์:

  • กระตุ้นการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่และเสริมสร้างความมั่นใจในการพูด
  • ส่งเสริมการโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติ

3. ใช้เทคนิคการพูดที่เหมาะสม

การพูดอย่างเหมาะสมช่วยให้ลูกเข้าใจภาษาและเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น

เทคนิคที่ควรใช้:

  • พูดช้าและชัดเจน: ใช้คำง่ายๆ ที่เหมาะกับวัยของลูก เช่น “หยิบบอลมา”
  • พูดซ้ำและขยายคำ: หากลูกพูดว่า “นม” ให้ตอบว่า “ใช่ นมเย็นๆ อยู่ในแก้วนี้”
  • ใช้ภาษาท่าทาง: ชี้หรือทำท่าทางประกอบคำพูดเพื่อช่วยให้ลูกเข้าใจความหมาย

ประโยชน์:

  • ช่วยให้ลูกจดจำคำศัพท์และโครงสร้างประโยคได้เร็วขึ้น
  • เสริมความเข้าใจในบริบทและความหมายของคำ

4. จำกัดเวลาในการใช้หน้าจอ

หน้าจอ เช่น โทรทัศน์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน อาจลดโอกาสในการโต้ตอบและเรียนรู้ภาษาจากการพูดคุย

คำแนะนำ:

  • เด็กอายุต่ำกว่า 18 เดือนควรหลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอ ยกเว้นวิดีโอคอลกับครอบครัว
  • เด็กอายุ 18-24 เดือน ควรใช้หน้าจอในเนื้อหาที่มีคุณภาพ และมีพ่อแม่อยู่ด้วยเพื่อช่วยอธิบาย
  • เด็กอายุ 2-5 ปี ควรจำกัดเวลาใช้หน้าจอไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน

ประโยชน์:

  • เพิ่มโอกาสในการโต้ตอบและพูดคุย
  • ลดผลกระทบด้านลบของการพึ่งพาหน้าจอในการเรียนรู้ภาษา

5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็น

หากพ่อแม่สังเกตว่าลูกมีพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าปกติ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสม

เมื่อไหร่ควรปรึกษา:

  • ลูกไม่พูดคำแรกเมื่ออายุ 18 เดือน
  • ลูกไม่สามารถพูดคำใหม่หรือเชื่อมคำได้เมื่ออายุ 2 ปี
  • ลูกไม่ตอบสนองต่อคำสั่งง่ายๆ หรือชื่อของตัวเอง
  • ลูกมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ เช่น หลีกเลี่ยงการสบตาหรือการโต้ตอบ

ผู้เชี่ยวชาญที่ควรพบ:

  • นักบำบัดด้านภาษา (Speech Therapist): ประเมินและออกแบบกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาการพูด
  • กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการ: วิเคราะห์ปัญหาและหาสาเหตุทางการแพทย์
  • นักโสตสัมผัสวิทยา (Audiologist): ตรวจสอบการได้ยินเพื่อระบุว่ามีปัญหาหรือไม่

ประโยชน์:

  • ได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมและทันเวลา
  • ลดความเสี่ยงของปัญหาพัฒนาการที่อาจส่งผลต่อการเรียนรู้ในอนาคต

สรุป

เมื่อสงสัยว่าลูกพูดช้า พ่อแม่ควรเริ่มต้นด้วยการสังเกตและจดบันทึกพฤติกรรม สร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นการพูด ใช้เทคนิคการพูดที่เหมาะสม จำกัดเวลาในการใช้หน้าจอ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็น การดำเนินการอย่างรวดเร็วและเหมาะสมจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาและสร้างความมั่นใจให้กับลูกในการสื่อสารในอนาคต

 

You may also like

Share via