10 คำถามที่พ่อแม่ควรถามเมื่อลูกพูดช้ากว่าปกติ

10 คำถามที่พ่อแม่ควรถามเมื่อลูกพูดช้ากว่าปกติ

by https://babyandmomthai.com/

10 คำถามที่พ่อแม่ควรถามเมื่อลูกพูดช้ากว่าปกติ


บทนำ

เมื่อพ่อแม่เริ่มสังเกตว่าลูกพูดช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน คำถามมากมายมักเกิดขึ้นในใจ เช่น ลูกมีปัญหาด้านพัฒนาการหรือไม่? ควรแก้ไขอย่างไร? และเมื่อไหร่ที่ควรเข้าพบผู้เชี่ยวชาญ บทความนี้จะแนะนำคำถามสำคัญ 10 ข้อที่พ่อแม่ควรถามเมื่อลูกพูดช้า เพื่อช่วยให้คุณประเมินสถานการณ์และวางแผนการดูแลลูกได้อย่างเหมาะสม


เนื้อหา

คำถามที่ 1: ลูกเริ่มส่งเสียงอ้อแอ้เมื่อไหร่?

  • เหตุผลที่ต้องถาม:
    การส่งเสียงอ้อแอ้ (Babbling) เป็นขั้นตอนแรกของการพัฒนาภาษา โดยปกติเด็กควรเริ่มส่งเสียงในช่วง 4-6 เดือน หากลูกไม่เคยส่งเสียงเลย อาจเป็นสัญญาณของปัญหาด้านการได้ยินหรือพัฒนาการภาษา

คำถามที่ 2: ลูกมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างหรือไม่?

  • เหตุผลที่ต้องถาม:
    การสบตา ยิ้มตอบ หรือใช้ท่าทาง เช่น การชี้นิ้วหรือยื่นของให้ผู้อื่น เป็นสัญญาณที่แสดงถึงความสามารถในการสื่อสาร แม้ว่าลูกจะยังพูดไม่ได้ หากลูกไม่แสดงปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

คำถามที่ 3: ลูกตอบสนองต่อชื่อของตัวเองหรือไม่?

  • เหตุผลที่ต้องถาม:
    เด็กส่วนใหญ่จะเริ่มตอบสนองต่อชื่อของตัวเองเมื่ออายุประมาณ 6-9 เดือน หากลูกไม่ตอบสนองเลย อาจต้องตรวจสอบการได้ยินหรือพัฒนาการทางสมอง

คำถามที่ 4: ลูกสามารถเลียนแบบเสียงหรือท่าทางได้หรือไม่?

  • เหตุผลที่ต้องถาม:
    การเลียนแบบเสียง เช่น “โฮ่ง” “เมี้ยว” หรือท่าทาง เช่น โบกมือ ล้วนแสดงถึงความพร้อมในการเรียนรู้ภาษา หากลูกไม่พยายามเลียนแบบ อาจบ่งบอกถึงปัญหาด้านการสื่อสาร

คำถามที่ 5: ลูกเริ่มพูดคำแรกเมื่อไหร่?

  • เหตุผลที่ต้องถาม:
    เด็กควรพูดคำแรกที่มีความหมาย เช่น “แม่” หรือ “พ่อ” ในช่วงอายุ 12-15 เดือน หากลูกยังไม่พูดคำแรกเมื่ออายุเกิน 18 เดือน ควรพิจารณาการประเมินพัฒนาการเพิ่มเติม

คำถามที่ 6: ลูกเข้าใจคำสั่งง่ายๆ หรือไม่?

  • เหตุผลที่ต้องถาม:
    การทำตามคำสั่งง่ายๆ เช่น “หยิบของเล่น” หรือ “มาใกล้ๆ” แสดงถึงความเข้าใจภาษา แม้ว่าลูกจะยังพูดไม่ได้ หากลูกไม่ตอบสนองต่อคำสั่งเลย อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้หรือพัฒนาการ

คำถามที่ 7: ลูกแสดงความต้องการอย่างไรเมื่อพูดไม่ได้?

  • เหตุผลที่ต้องถาม:
    หากลูกใช้ท่าทางหรือเสียงเพื่อแสดงความต้องการ เช่น ชี้นิ้วหรือดึงมือผู้ใหญ่ แสดงว่าลูกยังมีการสื่อสารในรูปแบบอื่น แต่ถ้าลูกไม่แสดงออกเลย อาจต้องการการช่วยเหลือเพิ่มเติม

คำถามที่ 8: ลูกมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากเด็กในวัยเดียวกันหรือไม่?

  • เหตุผลที่ต้องถาม:
    สังเกตว่าลูกมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากเพื่อนวัยเดียวกันหรือไม่ เช่น การหลีกเลี่ยงการเล่นกับผู้อื่น หรือการทำกิจกรรมซ้ำๆ อาจบ่งบอกถึงปัญหาด้านพัฒนาการ

คำถามที่ 9: ลูกเคยมีปัญหาการได้ยินหรือไม่?

  • เหตุผลที่ต้องถาม:
    การได้ยินมีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการภาษา เด็กที่มีปัญหาการได้ยิน เช่น หูอักเสบเรื้อรัง อาจมีพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าปกติ ควรตรวจสอบการได้ยินเป็นขั้นตอนแรก

คำถามที่ 10: ลูกได้รับการกระตุ้นทางภาษาเพียงพอหรือไม่?

  • เหตุผลที่ต้องถาม:
    การที่พ่อแม่พูดคุย อ่านหนังสือ หรือร้องเพลงให้ลูกฟังช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางภาษา หากลูกไม่ได้รับการกระตุ้นเหล่านี้ อาจส่งผลต่อความล่าช้า

แนวทางการดำเนินการเมื่อพบปัญหา

1. สังเกตอย่างใกล้ชิด
จดบันทึกพฤติกรรมของลูก เช่น การพูดคำแรก การเลียนแบบเสียง หรือการตอบสนองต่อคำสั่ง

2. กระตุ้นพัฒนาการทางภาษา
พูดคุย อ่านนิทาน และทำกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์ให้ลูก

3. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
หากลูกมีปัญหาต่อเนื่อง เช่น ไม่พูดคำแรกเมื่ออายุ 18 เดือน หรือไม่มีการตอบสนองใดๆ ควรพบกุมารแพทย์ นักพัฒนาการเด็ก หรือนักบำบัดด้านภาษา


สรุป

การที่ลูกพูดช้าไม่จำเป็นต้องเป็นสัญญาณของปัญหาร้ายแรงเสมอไป แต่การถามคำถามที่ถูกต้องและหาคำตอบอย่างละเอียดจะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจสถานการณ์ของลูกมากขึ้น และตัดสินใจได้ว่าควรดูแลลูกอย่างไรหรือควรพบผู้เชี่ยวชาญหรือไม่ การเฝ้าระวังและสนับสนุนลูกอย่างเหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้ลูกพัฒนาทักษะการสื่อสารได้เต็มที่

 

You may also like

Share via