เมื่อไหร่ควรกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาการสื่อสารของลูก

เมื่อไหร่ควรกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาการสื่อสารของลูก

by https://babyandmomthai.com/

 เมื่อไหร่ควรกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาการสื่อสารของลูก


บทนำ

พัฒนาการด้านการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเด็ก แต่พ่อแม่หลายคนอาจสับสนว่าเมื่อไหร่ที่ควรกังวลว่าลูกมีปัญหา หรือเมื่อไหร่ที่ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเกณฑ์พัฒนาการด้านการสื่อสารในช่วงวัยต่างๆ พร้อมกับสัญญาณที่บ่งชี้ว่าควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ


เนื้อหา

เกณฑ์พัฒนาการด้านการสื่อสารในช่วงวัย

1. ช่วงอายุ 0-6 เดือน

  • พฤติกรรมปกติ:
    เด็กควรเริ่มตอบสนองต่อเสียง เช่น หันไปตามเสียงหรือมองหาที่มาของเสียง
    ส่งเสียงอ้อแอ้ เช่น “อา” หรือ “อู”
    แสดงสีหน้าตอบสนองต่อการพูดของพ่อแม่
  • สัญญาณที่อาจกังวล:
    • ลูกไม่มีปฏิกิริยาต่อเสียง
    • ไม่สบตาหรือยิ้มตอบสนอง

2. ช่วงอายุ 6-12 เดือน

  • พฤติกรรมปกติ:
    เด็กควรเริ่มเลียนเสียง เช่น “บา” หรือ “ดา”
    เข้าใจคำง่ายๆ เช่น “ไม่” หรือ “มา”
    ใช้ท่าทาง เช่น ชี้นิ้วหรือโบกมือ
  • สัญญาณที่อาจกังวล:
    • ลูกไม่เลียนแบบเสียงหรือท่าทาง
    • ไม่ตอบสนองเมื่อถูกเรียกชื่อ

3. ช่วงอายุ 1-2 ปี

  • พฤติกรรมปกติ:
    พูดคำแรกที่มีความหมาย เช่น “แม่” หรือ “พ่อ”
    เชื่อมคำง่ายๆ เช่น “กินนม” หรือ “ไปบ้าน”
    เข้าใจคำสั่งง่ายๆ เช่น “หยิบบอล”
  • สัญญาณที่อาจกังวล:
    • ลูกยังไม่พูดคำแรกหลัง 15 เดือน
    • ไม่ทำตามคำสั่งง่ายๆ

4. ช่วงอายุ 2-3 ปี

  • พฤติกรรมปกติ:
    เด็กควรมีคลังคำศัพท์ประมาณ 50-100 คำ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
    พูดประโยคสั้นๆ เช่น “ไปเล่นสวน” หรือ “อยากกินขนม”
    สนทนาสั้นๆ กับผู้ใหญ่
  • สัญญาณที่อาจกังวล:
    • ลูกพูดคำเดี่ยวๆ โดยไม่เชื่อมคำ
    • การพูดไม่ชัดเจนจนคนในครอบครัวเข้าใจยาก

สัญญาณเตือนที่ควรกังวล

1. การไม่ได้ยินหรือไม่ตอบสนองต่อเสียง
เด็กที่ไม่ตอบสนองต่อเสียง เช่น ชื่อเรียก หรือคำพูดทั่วไป อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินหรือพัฒนาการทางสมอง

2. การใช้ท่าทางน้อยกว่าปกติ
เด็กในช่วงวัย 1 ปี ควรใช้ท่าทาง เช่น ชี้นิ้ว ยกมือ หรือโบกมือ เพื่อสื่อสาร หากลูกไม่ใช้ท่าทางเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาการสื่อสาร

3. การขาดการเลียนแบบ
เด็กที่ไม่เลียนแบบเสียงหรือพฤติกรรมของผู้ใหญ่ อาจมีปัญหาด้านการเรียนรู้

4. การพูดคำแรกล่าช้า
เด็กที่ยังไม่พูดคำแรกเมื่ออายุ 15-18 เดือน อาจมีพัฒนาการล่าช้า

5. การพูดไม่ต่อเนื่องในช่วงวัย 2-3 ปี
เด็กควรเริ่มเชื่อมคำเพื่อสร้างประโยค หากยังพูดคำเดี่ยวๆ หรือไม่แสดงความสนใจที่จะพูด อาจต้องได้รับการประเมิน

6. การไม่แสดงความสนใจต่อการสนทนา
เด็กที่ไม่สบตา ไม่โต้ตอบ หรือไม่สนใจเสียงพูดของผู้อื่น อาจมีปัญหาด้านพฤติกรรมหรือพัฒนาการทางสังคม


เมื่อไหร่ควรพาลูกไปพบผู้เชี่ยวชาญ

1. เมื่อสงสัยว่าลูกมีปัญหาการได้ยิน
หากลูกไม่ตอบสนองต่อเสียง หรือแสดงพฤติกรรมที่คล้ายกับการไม่ได้ยิน เช่น ไม่หันตามเสียงเรียก ควรตรวจสอบการได้ยินทันที

2. เมื่อพฤติกรรมไม่สอดคล้องกับเกณฑ์พัฒนาการ
หากลูกไม่สามารถทำสิ่งที่เหมาะสมกับช่วงอายุ เช่น พูดคำแรก หรือเข้าใจคำสั่งง่ายๆ ควรพิจารณาปรึกษานักพัฒนาการเด็ก

3. เมื่อพ่อแม่มีความกังวลใจต่อพฤติกรรมของลูก
แม้ว่าพฤติกรรมของลูกอาจดูปกติ แต่หากพ่อแม่รู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับพัฒนาการด้านการสื่อสาร ควรเข้าพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อความมั่นใจ

4. เมื่อมีประวัติครอบครัวที่เกี่ยวข้อง
หากในครอบครัวมีผู้ที่เคยมีปัญหาด้านการสื่อสาร หรือพัฒนาการล่าช้า อาจเพิ่มความเสี่ยงให้กับลูก


แนวทางการช่วยเหลือเบื้องต้น

1. สร้างความสัมพันธ์ผ่านการสื่อสาร
พูดคุยกับลูกเสมอ แม้ในช่วงวัยที่ยังไม่สามารถพูดโต้ตอบได้ การสร้างสายสัมพันธ์จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการ

2. อ่านหนังสือและร้องเพลง
กิจกรรมเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้คำศัพท์และพัฒนาการด้านภาษา

3. ใช้คำถามและคำสั่งง่ายๆ
ตั้งคำถาม เช่น “นี่คืออะไร?” หรือออกคำสั่งง่ายๆ เช่น “หยิบลูกบอล” เพื่อกระตุ้นการตอบสนอง

4. ลดการใช้หน้าจอ
ควรหลีกเลี่ยงการให้ลูกใช้โทรศัพท์หรือแท็บเล็ตมากเกินไป เพราะอาจลดโอกาสในการฝึกพูดและโต้ตอบ

5. ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
หากพบว่ามีปัญหาจริง การทำงานร่วมกับนักบำบัดด้านภาษาและพัฒนาการเด็กจะช่วยให้ลูกพัฒนาทักษะได้ดีขึ้น


สรุป

การพัฒนาการด้านการสื่อสารของเด็กเป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรติดตามอย่างใกล้ชิด การเข้าใจเกณฑ์พัฒนาการและสัญญาณเตือนจะช่วยให้คุณสามารถตอบสนองต่อปัญหาได้อย่างรวดเร็ว การดูแลและกระตุ้นพัฒนาการอย่างเหมาะสม รวมถึงการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น จะช่วยให้ลูกสามารถเติบโตพร้อมทักษะการสื่อสารที่สมบูรณ์

 

You may also like

Share via