เพราะการฟังลูกคือหัวใจ: ประสบการณ์จากพ่อที่เข้าใจพัฒนาการลูกช้า

เพราะการฟังลูกคือหัวใจ: ประสบการณ์จากพ่อที่เข้าใจพัฒนาการลูกช้า

by babyandmomthai.com

เพราะการฟังลูกคือหัวใจ: ประสบการณ์จากพ่อที่เข้าใจพัฒนาการลูกช้า


บทนำ

การเลี้ยงลูกไม่ได้เป็นเพียงหน้าที่ของแม่เท่านั้น พ่อก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูก โดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับความท้าทาย เช่น ภาวะพัฒนาการล่าช้า บทความนี้เล่าถึงเรื่องราวของ “วิน” คุณพ่อที่ค้นพบว่าการฟังลูกอย่างตั้งใจช่วยเปิดทางสู่การทำความเข้าใจปัญหา และกลายเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการพัฒนาลูกชายของเขา


เนื้อหา

1. ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากความเงียบ
วินมีลูกชายวัย 3 ขวบชื่อ “ภัทร” เด็กชายที่รักสงบและมักเล่นคนเดียวเป็นส่วนใหญ่ วินสังเกตว่าภัทรพูดช้ากว่าเด็กคนอื่น และดูเหมือนจะไม่ค่อยแสดงออกถึงความรู้สึกหรือความต้องการของตัวเอง วินคิดว่าอาจเป็นเพราะลูกเป็นเด็กเงียบและขี้อายตามธรรมชาติ

2. การสื่อสารที่ไม่ได้ยินเสียง
ภัทรมีพฤติกรรมที่ไม่ตอบสนองเมื่อวินพูดด้วย เช่น เมื่อถามคำถามง่ายๆ หรือชวนเล่น ลูกมักแสดงสีหน้าเฉยเมย วินเริ่มสงสัยแต่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไร เพราะคิดว่าลูกอาจแค่ “เป็นตัวของตัวเอง”

3. จุดเปลี่ยน: เมื่อพ่อเริ่มฟัง
วันหนึ่งขณะที่วินนั่งดูภัทรเล่นของเล่น เขาเริ่มสังเกตว่าลูกมีรูปแบบการเล่นซ้ำๆ เช่น การเรียงบล็อกตามสีโดยไม่สนใจคำพูดของคนรอบข้าง วินตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการจากการพูดอย่างเดียว มาเป็นการฟังลูกอย่างตั้งใจ เขาพยายามอ่านภาษากาย สีหน้า และการกระทำของลูกแทน

4. การเข้าใจความต้องการที่ซ่อนอยู่
เมื่อวินเริ่มสังเกตพฤติกรรมของภัทรอย่างจริงจัง เขาพบว่าลูกมีวิธีแสดงออกที่แตกต่างไปจากเด็กคนอื่น เช่น การดึงแขนพ่อเพื่อบอกความต้องการ แทนการพูดคำว่า “ช่วยหน่อย” วินเริ่มใช้คำถามง่ายๆ ที่เปิดโอกาสให้ลูกตอบ เช่น “ลูกอยากได้อะไร?” หรือ “อยากเล่นเกมอะไรกับพ่อ?”

5. การตัดสินใจขอคำปรึกษา
หลังจากได้สังเกตพฤติกรรมของลูกอย่างละเอียด วินและภรรยาตัดสินใจพาภัทรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก เพื่อรับการประเมินผลอย่างละเอียด แพทย์ระบุว่าภัทรมีภาวะพัฒนาการล่าช้าด้านการสื่อสาร และแนะนำให้ครอบครัวเริ่มต้นกระบวนการบำบัด

6. การเปลี่ยนแปลงในบทบาทของพ่อ
วินตัดสินใจมีส่วนร่วมในกระบวนการบำบัดของลูกอย่างเต็มที่ เขาเรียนรู้วิธีสื่อสารที่เหมาะสมกับภัทร เช่น การใช้คำสั้นๆ การแสดงภาพประกอบ และการสร้างสถานการณ์ที่กระตุ้นให้ลูกตอบสนอง เช่น การเล่านิทานและการเล่นบทบาทสมมติ

7. ผลลัพธ์ที่เกิดจากความใส่ใจ
ภายใน 8 เดือน ภัทรเริ่มพูดคำง่ายๆ เช่น “เอาอีก” หรือ “พ่อช่วย” และแสดงความสนใจในสิ่งรอบตัวมากขึ้น วินรู้สึกภูมิใจที่ลูกมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าความสำเร็จนี้เกิดจากการฟังและการสนับสนุนของเขาเอง

8. การแบ่งปันความรู้สึกของพ่อ
วินเริ่มแบ่งปันประสบการณ์ของเขาให้เพื่อนพ่อแม่ฟังในกลุ่มสนทนา เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการฟังลูก ไม่ว่าจะผ่านคำพูดหรือการกระทำ พร้อมกับการให้เวลากับลูกอย่างตั้งใจ


สรุป

เรื่องราวของวินสะท้อนให้เห็นว่า การฟังลูกคือหัวใจสำคัญของการเลี้ยงดู โดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับปัญหาพัฒนาการล่าช้า ความใส่ใจและความตั้งใจของพ่อหรือผู้ปกครองสามารถช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับลูกได้อย่างมหาศาล บทเรียนสำคัญคือ เด็กทุกคนต้องการพื้นที่และเวลาที่พ่อแม่พร้อมจะฟังเขาเสมอ

 

You may also like

Share via