เด็กวัยหัดเดินพูดคำง่ายๆ ช้า: ปัญหาที่ควรใส่ใจ

เด็กวัยหัดเดินพูดคำง่ายๆ ช้า: ปัญหาที่ควรใส่ใจ

by https://babyandmomthai.com/

เด็กวัยหัดเดินพูดคำง่ายๆ ช้า: ปัญหาที่ควรใส่ใจ


บทนำ

เด็กวัยหัดเดิน (1-3 ปี) เป็นช่วงวัยที่สำคัญในการพัฒนาทักษะทางภาษา การที่เด็กเริ่มพูดคำง่ายๆ ช้ากว่าปกติ อาจทำให้พ่อแม่กังวลว่าเป็นเพียงพัฒนาการช้าชั่วคราว หรือเป็นสัญญาณของปัญหาที่ควรได้รับการใส่ใจ บทความนี้จะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจถึงเกณฑ์ปกติของพัฒนาการทางภาษาในวัยหัดเดิน สาเหตุที่อาจทำให้เด็กพูดช้า และแนวทางการช่วยเหลือที่เหมาะสม


เนื้อหา

1. เกณฑ์พัฒนาการทางภาษาในเด็กวัยหัดเดิน

ช่วงอายุ 12-18 เดือน:

  • เด็กควรพูดคำแรกที่มีความหมาย เช่น “แม่” “พ่อ” หรือ “บอล”
  • เด็กสามารถเลียนเสียงสัตว์หรือเสียงสิ่งของได้ เช่น “โฮ่งๆ” หรือ “ปิ๊บๆ”
  • มีคำศัพท์ประมาณ 10-20 คำในคลัง

ช่วงอายุ 18-24 เดือน:

  • เด็กควรมีคลังคำศัพท์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (ประมาณ 50 คำขึ้นไป)
  • เริ่มเชื่อมคำง่ายๆ เช่น “กินนม” หรือ “ไปบ้าน”
  • เข้าใจคำสั่งง่ายๆ เช่น “หยิบลูกบอล”

ช่วงอายุ 2-3 ปี:

  • เด็กควรสร้างประโยคง่ายๆ ที่มี 2-3 คำ เช่น “หนูอยากกิน” หรือ “แม่ไปไหน”
  • เข้าใจคำถามง่ายๆ และสามารถตอบกลับด้วยคำหรือวลีสั้นๆ

2. สาเหตุที่เด็กพูดช้าในวัยหัดเดิน

2.1 ปัจจัยทางพัฒนาการ

  • เด็กบางคนเน้นพัฒนาทักษะอื่น เช่น การเดินหรือการเล่น อาจทำให้การพูดเริ่มช้ากว่าเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน

2.2 ปัญหาการได้ยิน

  • การได้ยินที่บกพร่อง เช่น หูอักเสบเรื้อรัง (Otitis Media) อาจทำให้เด็กไม่ได้ยินเสียงคำพูดชัดเจนและเรียนรู้ช้า

2.3 สภาพแวดล้อมที่ขาดการกระตุ้นภาษา

  • เด็กที่ไม่ได้รับการพูดคุย อ่านนิทาน หรือเล่นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาษา อาจไม่มีโอกาสเรียนรู้คำศัพท์และการสื่อสาร

2.4 ปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างช่องปาก

  • ภาวะลิ้นติด (Tongue-Tie) หรือปัญหาด้านการควบคุมกล้ามเนื้อในช่องปาก อาจทำให้เด็กออกเสียงได้ยาก

2.5 ภาวะพัฒนาการล่าช้าหรือปัญหาทางสมอง

  • เช่น ภาวะ Global Developmental Delay หรือ Autism Spectrum Disorder

2.6 การเติบโตในครอบครัวสองภาษา

  • เด็กที่เรียนรู้สองภาษาในเวลาเดียวกันอาจพูดช้ากว่าเล็กน้อยในช่วงแรก แต่ไม่ได้หมายถึงมีปัญหา

3. สัญญาณที่ควรใส่ใจ

  • เด็กไม่พูดคำแรกเมื่ออายุเกิน 18 เดือน
  • เด็กมีคำศัพท์น้อยกว่า 10 คำเมื่ออายุ 2 ปี
  • เด็กไม่ตอบสนองต่อชื่อหรือคำสั่งง่ายๆ
  • เด็กไม่แสดงความพยายามเลียนแบบเสียงหรือคำพูด
  • เด็กไม่สบตาหรือแสดงออกด้วยท่าทางเพื่อสื่อสาร
  • เด็กหลีกเลี่ยงการเล่นกับคนรอบข้างหรือมีพฤติกรรมที่ซ้ำซาก

4. แนวทางช่วยเหลือเด็กที่พูดช้า

4.1 การพูดคุยกับลูกอย่างสม่ำเสมอ

  • อธิบายสิ่งที่กำลังทำหรือสิ่งรอบตัว เช่น “นี่คือลูกบอล” หรือ “แม่กำลังล้างจาน”
  • ใช้คำศัพท์ง่ายๆ และชัดเจน โดยเน้นคำสำคัญในประโยค

4.2 การอ่านนิทานและร้องเพลง

  • เลือกนิทานที่มีภาพประกอบและคำศัพท์ง่ายๆ เพื่อดึงดูดความสนใจ
  • ร้องเพลงที่มีคำซ้ำๆ และจังหวะสนุกสนาน เช่น “ABC Song” หรือ “ช้าง ช้าง ช้าง”

4.3 การเล่นเพื่อกระตุ้นภาษา

  • เล่นเกมที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์ เช่น การบอกชื่อสิ่งของในภาพ หรือเกมเลียนเสียงสัตว์
  • เล่นบทบาทสมมติ เช่น การเล่นร้านขายของ หรือการเป็นหมอ

4.4 การใช้คำถามเพื่อกระตุ้นการตอบสนอง

  • ถามคำถามง่ายๆ เช่น “นี่คืออะไร?” หรือ “ลูกอยากกินอะไร?” และรอให้เด็กตอบ

4.5 การลดการพึ่งพาภาษาท่าทาง

  • กระตุ้นให้เด็กพูดคำง่ายๆ แทนการชี้หรือดึงมือ เช่น ถ้าลูกชี้ไปที่ขวดนม ให้ถามว่า “ลูกอยากกินนมใช่ไหม?”

4.6 การให้กำลังใจและคำชม

  • ชื่นชมลูกเมื่อพยายามพูด เช่น “ลูกพูดว่า ‘แม่’ ได้เก่งมาก!”

5. เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

หากลูกมีพฤติกรรมต่อไปนี้ ควรพาไปพบกุมารแพทย์หรือนักบำบัดด้านภาษา:

  • ลูกไม่พูดคำแรกเมื่ออายุเกิน 18 เดือน
  • ลูกไม่มีการเพิ่มคำศัพท์ใหม่หลังอายุ 2 ปี
  • ลูกไม่ตอบสนองต่อคำสั่งง่ายๆ หรือชื่อของตัวเอง
  • ลูกมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ เช่น ไม่สบตา หรือหลีกเลี่ยงการเล่นกับผู้อื่น
  • ลูกแสดงพฤติกรรมซ้ำๆ หรือมีการพูดคำซ้ำโดยไม่มีความหมาย

6. การบำบัดและการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญ

6.1 การบำบัดด้านภาษา (Speech Therapy):

  • นักบำบัดจะช่วยวางแผนการฝึกพูดและการออกเสียงที่เหมาะสมกับเด็ก

6.2 การตรวจการได้ยิน:

  • หากสงสัยว่าลูกมีปัญหาการได้ยิน ควรตรวจโดยนักโสตสัมผัสวิทยา

6.3 การฝึกกล้ามเนื้อในช่องปาก:

  • สำหรับเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างหรือการควบคุมกล้ามเนื้อ

6.4 การบำบัดพฤติกรรม (Behavioral Therapy):

  • หากลูกมีปัญหาอื่นๆ ร่วม เช่น ภาวะออทิสติก การบำบัดพฤติกรรมอาจช่วยเสริมทักษะการสื่อสาร

สรุป

การที่เด็กวัยหัดเดินพูดคำง่ายๆ ช้าอาจเป็นเพียงพัฒนาการที่ล่าช้าชั่วคราว หรือเป็นสัญญาณของปัญหาที่ควรใส่ใจ การกระตุ้นภาษาผ่านการพูดคุย การอ่านนิทาน และการเล่น เป็นกุญแจสำคัญในการช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสาร หากพ่อแม่พบว่าลูกมีพฤติกรรมที่น่ากังวล การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ลูกได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมและเติบโตอย่างมั่นใจในระยะยาว

 

You may also like

Share via