วิธีสังเกตความพร้อมของเด็กในการเริ่มเรียนรู้การพูด

วิธีสังเกตความพร้อมของเด็กในการเริ่มเรียนรู้การพูด

by https://babyandmomthai.com/

วิธีสังเกตความพร้อมของเด็กในการเริ่มเรียนรู้การพูด


บทนำ

การเรียนรู้การพูดเป็นหนึ่งในพัฒนาการสำคัญของเด็กในปีแรก ความพร้อมในการพูดไม่ได้เริ่มต้นจากการพูดคำแรก แต่เป็นกระบวนการที่เกิดจากการสังเกต ฟัง และตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว เด็กเริ่มแสดงสัญญาณความพร้อมในการเรียนรู้การพูดผ่านพฤติกรรมและการสื่อสารแบบไม่ใช้คำ เช่น การส่งเสียง “อ้อแอ้” หรือการชี้วัตถุ บทความนี้จะช่วยพ่อแม่สังเกตสัญญาณเหล่านั้น พร้อมทั้งแนะนำวิธีส่งเสริมการเรียนรู้การพูดของลูกน้อย


เนื้อหา

1. สัญญาณที่บ่งบอกว่าเด็กพร้อมเรียนรู้การพูด
  • การตอบสนองต่อเสียง:
    • เด็กหันหน้ามองเมื่อได้ยินเสียง
    • แสดงความสนใจหรือส่งเสียงตอบเมื่อพ่อแม่พูดคุย
  • การส่งเสียงแบบเจาะจง:
    • เริ่มส่งเสียงที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น “บา” “มา”
    • พยายามเลียนแบบเสียงหรือจังหวะที่ได้ยิน
  • การใช้ท่าทางสื่อสาร:
    • ชี้ไปที่วัตถุหรือยกมือขึ้นเมื่ออยากได้บางอย่าง
    • แสดงอารมณ์ผ่านท่าทาง เช่น การยิ้ม หัวเราะ หรือทำหน้าบึ้ง
  • การแสดงความสนใจในปากของผู้พูด:
    • เด็กจ้องดูการขยับปากของพ่อแม่เมื่อพูด
    • พยายามขยับปากตาม
  • การเข้าใจคำศัพท์พื้นฐาน:
    • หันมามองหรือแสดงท่าทางตอบสนองเมื่อถูกเรียกชื่อ
    • เข้าใจคำสั่งง่ายๆ เช่น “มา” “ไม่” หรือ “เอา”

2. ช่วงอายุที่สำคัญสำหรับการเริ่มเรียนรู้การพูด
  • แรกเกิดถึง 3 เดือน:
    เด็กเริ่มฟังและจดจำเสียงของพ่อแม่
    • สัญญาณที่สังเกตได้:
      • หยุดร้องไห้เมื่อได้ยินเสียงปลอบโยน
      • ส่งเสียง “อ้อแอ้” ตอบสนอง
  • 4-6 เดือน:
    เด็กเริ่มทดลองเสียงที่หลากหลายขึ้น
    • สัญญาณที่สังเกตได้:
      • ส่งเสียงพยางค์ง่ายๆ เช่น “บา” หรือ “ดา”
      • หัวเราะหรือร้องเสียงดังเพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่สนุกสนาน
  • 7-9 เดือน:
    เด็กเริ่มแสดงความเข้าใจในคำพูดบางคำ
    • สัญญาณที่สังเกตได้:
      • หันไปมองหรือชี้สิ่งของเมื่อได้ยินชื่อ
      • ส่งเสียงคล้ายคำพูด เช่น “มามา” หรือ “ดาดา”
  • 10-12 เดือน:
    เด็กเริ่มพูดคำแรกและเข้าใจคำสั่งง่ายๆ
    • สัญญาณที่สังเกตได้:
      • พูดคำที่มีความหมาย เช่น “แม่” หรือ “ป๊ะ”
      • ตอบสนองคำถามง่ายๆ เช่น “นี่อะไร?”

3. วิธีส่งเสริมพัฒนาการการพูดของเด็ก
  • พูดคุยกับลูกอย่างสม่ำเสมอ:
    ใช้คำศัพท์ง่ายๆ และอธิบายสิ่งที่ทำในชีวิตประจำวัน
    • ตัวอย่าง: “แม่กำลังเตรียมนมให้ลูกนะ”
  • อ่านหนังสือภาพ:
    เลือกหนังสือที่มีภาพสีสดใสและคำศัพท์ง่ายๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจ
  • ร้องเพลงหรือเล่นเกมคำศัพท์:
    เพลงที่มีคำศัพท์ซ้ำๆ เช่น “Twinkle, Twinkle, Little Star” ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้
  • เลียนแบบเสียงของลูก:
    หากลูกส่งเสียง “อ้อแอ้” พ่อแม่ควรเลียนแบบเสียงนั้นเพื่อตอบสนอง
  • ใช้ภาษากายร่วมกับคำพูด:
    เช่น ชี้ไปที่วัตถุพร้อมพูดชื่อ หรือโบกมือพร้อมพูดคำว่า “บ๊ายบาย”

4. การสร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นการพูด
  • ลดการใช้หน้าจอ:
    การใช้หน้าจอมากเกินไปอาจลดปฏิสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างพ่อแม่และลูก
  • สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น:
    เด็กจะเรียนรู้ได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นกันเอง
  • ให้ลูกมีโอกาสตอบสนอง:
    หยุดรอเมื่อลูกพยายามส่งเสียงหรือสื่อสาร เพื่อให้ลูกได้ฝึกการโต้ตอบ

5. ข้อควรหลีกเลี่ยง
  • การเพิกเฉยต่อความพยายามของลูก:
    อาจทำให้ลูกขาดความมั่นใจในการสื่อสาร
  • การเร่งรัดหรือบังคับลูกพูด:
    อาจสร้างความกดดันและทำให้ลูกไม่อยากเรียนรู้
  • การพูดเร็วหรือซับซ้อนเกินไป:
    เด็กต้องการเวลาในการเรียนรู้และจดจำคำศัพท์

สรุป

การสังเกตสัญญาณความพร้อมในการพูดของลูกช่วยให้พ่อแม่สามารถสนับสนุนพัฒนาการของลูกได้อย่างเหมาะสม การพูดคุย อ่านหนังสือ และใช้กิจกรรมที่กระตุ้นการเรียนรู้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้ลูกพัฒนาทักษะการพูดอย่างมั่นใจ ความอดทนและการตอบสนองอย่างอบอุ่นจากพ่อแม่จะช่วยสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับการเรียนรู้ภาษาและการสื่อสารในอนาคต

 

You may also like

Share via