24
วิธีสังเกตความพร้อมของเด็กในการเริ่มเรียนรู้การพูด
บทนำ
การเรียนรู้การพูดเป็นหนึ่งในพัฒนาการสำคัญของเด็กในปีแรก ความพร้อมในการพูดไม่ได้เริ่มต้นจากการพูดคำแรก แต่เป็นกระบวนการที่เกิดจากการสังเกต ฟัง และตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว เด็กเริ่มแสดงสัญญาณความพร้อมในการเรียนรู้การพูดผ่านพฤติกรรมและการสื่อสารแบบไม่ใช้คำ เช่น การส่งเสียง “อ้อแอ้” หรือการชี้วัตถุ บทความนี้จะช่วยพ่อแม่สังเกตสัญญาณเหล่านั้น พร้อมทั้งแนะนำวิธีส่งเสริมการเรียนรู้การพูดของลูกน้อย
เนื้อหา
1. สัญญาณที่บ่งบอกว่าเด็กพร้อมเรียนรู้การพูด
- การตอบสนองต่อเสียง:
- เด็กหันหน้ามองเมื่อได้ยินเสียง
- แสดงความสนใจหรือส่งเสียงตอบเมื่อพ่อแม่พูดคุย
- การส่งเสียงแบบเจาะจง:
- เริ่มส่งเสียงที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น “บา” “มา”
- พยายามเลียนแบบเสียงหรือจังหวะที่ได้ยิน
- การใช้ท่าทางสื่อสาร:
- ชี้ไปที่วัตถุหรือยกมือขึ้นเมื่ออยากได้บางอย่าง
- แสดงอารมณ์ผ่านท่าทาง เช่น การยิ้ม หัวเราะ หรือทำหน้าบึ้ง
- การแสดงความสนใจในปากของผู้พูด:
- เด็กจ้องดูการขยับปากของพ่อแม่เมื่อพูด
- พยายามขยับปากตาม
- การเข้าใจคำศัพท์พื้นฐาน:
- หันมามองหรือแสดงท่าทางตอบสนองเมื่อถูกเรียกชื่อ
- เข้าใจคำสั่งง่ายๆ เช่น “มา” “ไม่” หรือ “เอา”
2. ช่วงอายุที่สำคัญสำหรับการเริ่มเรียนรู้การพูด
- แรกเกิดถึง 3 เดือน:
เด็กเริ่มฟังและจดจำเสียงของพ่อแม่- สัญญาณที่สังเกตได้:
- หยุดร้องไห้เมื่อได้ยินเสียงปลอบโยน
- ส่งเสียง “อ้อแอ้” ตอบสนอง
- สัญญาณที่สังเกตได้:
- 4-6 เดือน:
เด็กเริ่มทดลองเสียงที่หลากหลายขึ้น- สัญญาณที่สังเกตได้:
- ส่งเสียงพยางค์ง่ายๆ เช่น “บา” หรือ “ดา”
- หัวเราะหรือร้องเสียงดังเพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่สนุกสนาน
- สัญญาณที่สังเกตได้:
- 7-9 เดือน:
เด็กเริ่มแสดงความเข้าใจในคำพูดบางคำ- สัญญาณที่สังเกตได้:
- หันไปมองหรือชี้สิ่งของเมื่อได้ยินชื่อ
- ส่งเสียงคล้ายคำพูด เช่น “มามา” หรือ “ดาดา”
- สัญญาณที่สังเกตได้:
- 10-12 เดือน:
เด็กเริ่มพูดคำแรกและเข้าใจคำสั่งง่ายๆ- สัญญาณที่สังเกตได้:
- พูดคำที่มีความหมาย เช่น “แม่” หรือ “ป๊ะ”
- ตอบสนองคำถามง่ายๆ เช่น “นี่อะไร?”
- สัญญาณที่สังเกตได้:
3. วิธีส่งเสริมพัฒนาการการพูดของเด็ก
- พูดคุยกับลูกอย่างสม่ำเสมอ:
ใช้คำศัพท์ง่ายๆ และอธิบายสิ่งที่ทำในชีวิตประจำวัน- ตัวอย่าง: “แม่กำลังเตรียมนมให้ลูกนะ”
- อ่านหนังสือภาพ:
เลือกหนังสือที่มีภาพสีสดใสและคำศัพท์ง่ายๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจ - ร้องเพลงหรือเล่นเกมคำศัพท์:
เพลงที่มีคำศัพท์ซ้ำๆ เช่น “Twinkle, Twinkle, Little Star” ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ - เลียนแบบเสียงของลูก:
หากลูกส่งเสียง “อ้อแอ้” พ่อแม่ควรเลียนแบบเสียงนั้นเพื่อตอบสนอง - ใช้ภาษากายร่วมกับคำพูด:
เช่น ชี้ไปที่วัตถุพร้อมพูดชื่อ หรือโบกมือพร้อมพูดคำว่า “บ๊ายบาย”
4. การสร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นการพูด
- ลดการใช้หน้าจอ:
การใช้หน้าจอมากเกินไปอาจลดปฏิสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างพ่อแม่และลูก - สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น:
เด็กจะเรียนรู้ได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นกันเอง - ให้ลูกมีโอกาสตอบสนอง:
หยุดรอเมื่อลูกพยายามส่งเสียงหรือสื่อสาร เพื่อให้ลูกได้ฝึกการโต้ตอบ
5. ข้อควรหลีกเลี่ยง
- การเพิกเฉยต่อความพยายามของลูก:
อาจทำให้ลูกขาดความมั่นใจในการสื่อสาร - การเร่งรัดหรือบังคับลูกพูด:
อาจสร้างความกดดันและทำให้ลูกไม่อยากเรียนรู้ - การพูดเร็วหรือซับซ้อนเกินไป:
เด็กต้องการเวลาในการเรียนรู้และจดจำคำศัพท์
สรุป
การสังเกตสัญญาณความพร้อมในการพูดของลูกช่วยให้พ่อแม่สามารถสนับสนุนพัฒนาการของลูกได้อย่างเหมาะสม การพูดคุย อ่านหนังสือ และใช้กิจกรรมที่กระตุ้นการเรียนรู้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้ลูกพัฒนาทักษะการพูดอย่างมั่นใจ ความอดทนและการตอบสนองอย่างอบอุ่นจากพ่อแม่จะช่วยสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับการเรียนรู้ภาษาและการสื่อสารในอนาคต