การพัฒนาของการส่งเสียง “อ้อแอ้” และคำแรกในเด็กทารก

การพัฒนาของการส่งเสียง "อ้อแอ้" และคำแรกในเด็กทารก

by https://babyandmomthai.com/

การพัฒนาของการส่งเสียง “อ้อแอ้” และคำแรกในเด็กทารก


บทนำ

เสียง “อ้อแอ้” ที่น่ารักของเด็กทารกเป็นมากกว่าเสียงธรรมดา เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาทางภาษาและการสื่อสาร การส่งเสียงเหล่านี้แสดงถึงการทดลองใช้กล้ามเนื้อปาก ลิ้น และสายเสียง พร้อมกับการเรียนรู้จังหวะและรูปแบบของภาษา ในช่วงเวลานี้ เด็กทารกกำลังเตรียมตัวสำหรับการพูดคำแรก ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการสื่อสารกับโลกภายนอก บทความนี้จะสำรวจพัฒนาการของการส่งเสียง “อ้อแอ้” และคำแรกในเด็กทารก พร้อมแนะนำวิธีส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาของลูก


เนื้อหา

1. การเริ่มต้นของเสียง “อ้อแอ้” ในเด็กทารก
  • แรกเกิดถึง 2 เดือน:
    เด็กเริ่มส่งเสียง “อ้อแอ้” หรือเสียงที่ไม่เป็นคำ ซึ่งเป็นการทดลองใช้เสียงของตนเอง
    • ตัวอย่างเสียง:
      • “อา” “อือ” “อู”
    • ความสำคัญของช่วงนี้:
      • ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อปากและลิ้น
      • เป็นการตอบสนองต่อเสียงพูดของพ่อแม่
  • 3-4 เดือน:
    เด็กเริ่มผสมเสียงและเล่นกับจังหวะของเสียง
    • ตัวอย่างเสียง:
      • “บา” “กู” หรือ “อาอือ”
    • พฤติกรรมที่สังเกตได้:
      • เด็กส่งเสียงตอบสนองเมื่อพ่อแม่พูด
      • เสียงเริ่มมีจังหวะและน้ำเสียงที่หลากหลาย

2. การเปลี่ยนแปลงจากเสียง “อ้อแอ้” สู่การพูดคำแรก
  • 5-6 เดือน:
    เด็กเริ่มทดลองเสียงที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การพูดพยางค์ซ้ำ
    • ตัวอย่างเสียง:
      • “บา-บา” “ดา-ดา” หรือ “มา-มา”
    • ความสำคัญของช่วงนี้:
      • เด็กเรียนรู้รูปแบบเสียงจากพ่อแม่
      • เสียงที่ได้ยินบ่อยจะถูกเลียนแบบ
  • 7-9 เดือน:
    เด็กเริ่มแสดงความเข้าใจในคำศัพท์ง่ายๆ และเชื่อมโยงคำกับวัตถุหรือคน
    • พฤติกรรมที่สังเกตได้:
      • หันมามองเมื่อถูกเรียกชื่อ
      • ส่งเสียงตอบสนองเมื่อต้องการบางสิ่ง
  • 10-12 เดือน:
    เด็กพูดคำแรก เช่น “แม่” หรือ “ป๊ะ” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้คำเพื่อการสื่อสาร
    • ตัวอย่างคำ:
      • “นม” “ไป” “มา”
    • ความสำคัญของช่วงนี้:
      • เด็กเริ่มเข้าใจความหมายของคำที่พูด
      • พัฒนาทักษะการสื่อสารที่ซับซ้อนขึ้น

3. วิธีส่งเสริมการพัฒนาของเสียง “อ้อแอ้” และคำแรก
  • พูดคุยกับลูกบ่อยๆ:
    ใช้คำศัพท์ง่ายๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
  • เลียนแบบเสียงของลูก:
    หากลูกพูด “อ้อแอ้” พ่อแม่ควรเลียนแบบเสียงนั้นเพื่อกระตุ้นการโต้ตอบ
  • เล่นเกมคำศัพท์:
    ใช้ของเล่นหรือสิ่งของในบ้านเพื่อสอนคำศัพท์ เช่น ชี้ไปที่ลูกบอลแล้วพูดว่า “บอล”
  • อ่านหนังสือภาพ:
    เลือกหนังสือที่มีคำศัพท์ง่ายๆ และภาพสีสันสดใส
  • ร้องเพลงเด็ก:
    เพลงที่มีจังหวะและคำซ้ำๆ เช่น “จ้ำจี้มะเขือเปราะ” ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ภาษา

4. ความสำคัญของการตอบสนองต่อเสียงของลูก
  • สร้างความมั่นใจ:
    การตอบสนองของพ่อแม่ช่วยให้ลูกมั่นใจที่จะทดลองเสียงใหม่ๆ
  • กระตุ้นการเรียนรู้:
    ลูกเรียนรู้รูปแบบการสนทนาผ่านการพูดคุยและการตอบโต้
  • เสริมสร้างความสัมพันธ์:
    การสนทนาอย่างใกล้ชิดช่วยสร้างสายใยความผูกพันระหว่างพ่อแม่และลูก

5. สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
  • การเพิกเฉยต่อเสียงของลูก:
    หากลูกส่งเสียงแต่พ่อแม่ไม่ตอบสนอง อาจลดแรงจูงใจในการทดลองเสียง
  • การใช้คำศัพท์ซับซ้อนเกินไป:
    เลือกคำที่เหมาะสมกับวัย เพื่อช่วยให้ลูกเข้าใจง่าย
  • การใช้หน้าจอแทนการพูดคุย:
    เด็กเรียนรู้ภาษาได้ดีที่สุดจากปฏิสัมพันธ์กับคนจริงๆ

สรุป

เสียง “อ้อแอ้” เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาภาษาในเด็กทารก ซึ่งนำไปสู่การพูดคำแรกในช่วงปลายปีแรก พ่อแม่มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นและส่งเสริมการเรียนรู้ของลูกผ่านการพูดคุย การเลียนแบบ และการตอบสนองอย่างอบอุ่น การใส่ใจในพัฒนาการทางภาษาของลูกตั้งแต่แรกเริ่มเป็นการวางรากฐานที่แข็งแรงสำหรับทักษะการสื่อสารและการเรียนรู้ในอนาคต

 

You may also like

Share via