35
การพัฒนาของการส่งเสียง “อ้อแอ้” และคำแรกในเด็กทารก
บทนำ
เสียง “อ้อแอ้” ที่น่ารักของเด็กทารกเป็นมากกว่าเสียงธรรมดา เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาทางภาษาและการสื่อสาร การส่งเสียงเหล่านี้แสดงถึงการทดลองใช้กล้ามเนื้อปาก ลิ้น และสายเสียง พร้อมกับการเรียนรู้จังหวะและรูปแบบของภาษา ในช่วงเวลานี้ เด็กทารกกำลังเตรียมตัวสำหรับการพูดคำแรก ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการสื่อสารกับโลกภายนอก บทความนี้จะสำรวจพัฒนาการของการส่งเสียง “อ้อแอ้” และคำแรกในเด็กทารก พร้อมแนะนำวิธีส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาของลูก
เนื้อหา
1. การเริ่มต้นของเสียง “อ้อแอ้” ในเด็กทารก
- แรกเกิดถึง 2 เดือน:
เด็กเริ่มส่งเสียง “อ้อแอ้” หรือเสียงที่ไม่เป็นคำ ซึ่งเป็นการทดลองใช้เสียงของตนเอง- ตัวอย่างเสียง:
- “อา” “อือ” “อู”
- ความสำคัญของช่วงนี้:
- ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อปากและลิ้น
- เป็นการตอบสนองต่อเสียงพูดของพ่อแม่
- ตัวอย่างเสียง:
- 3-4 เดือน:
เด็กเริ่มผสมเสียงและเล่นกับจังหวะของเสียง- ตัวอย่างเสียง:
- “บา” “กู” หรือ “อาอือ”
- พฤติกรรมที่สังเกตได้:
- เด็กส่งเสียงตอบสนองเมื่อพ่อแม่พูด
- เสียงเริ่มมีจังหวะและน้ำเสียงที่หลากหลาย
- ตัวอย่างเสียง:
2. การเปลี่ยนแปลงจากเสียง “อ้อแอ้” สู่การพูดคำแรก
- 5-6 เดือน:
เด็กเริ่มทดลองเสียงที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การพูดพยางค์ซ้ำ- ตัวอย่างเสียง:
- “บา-บา” “ดา-ดา” หรือ “มา-มา”
- ความสำคัญของช่วงนี้:
- เด็กเรียนรู้รูปแบบเสียงจากพ่อแม่
- เสียงที่ได้ยินบ่อยจะถูกเลียนแบบ
- ตัวอย่างเสียง:
- 7-9 เดือน:
เด็กเริ่มแสดงความเข้าใจในคำศัพท์ง่ายๆ และเชื่อมโยงคำกับวัตถุหรือคน- พฤติกรรมที่สังเกตได้:
- หันมามองเมื่อถูกเรียกชื่อ
- ส่งเสียงตอบสนองเมื่อต้องการบางสิ่ง
- พฤติกรรมที่สังเกตได้:
- 10-12 เดือน:
เด็กพูดคำแรก เช่น “แม่” หรือ “ป๊ะ” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้คำเพื่อการสื่อสาร- ตัวอย่างคำ:
- “นม” “ไป” “มา”
- ความสำคัญของช่วงนี้:
- เด็กเริ่มเข้าใจความหมายของคำที่พูด
- พัฒนาทักษะการสื่อสารที่ซับซ้อนขึ้น
- ตัวอย่างคำ:
3. วิธีส่งเสริมการพัฒนาของเสียง “อ้อแอ้” และคำแรก
- พูดคุยกับลูกบ่อยๆ:
ใช้คำศัพท์ง่ายๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น - เลียนแบบเสียงของลูก:
หากลูกพูด “อ้อแอ้” พ่อแม่ควรเลียนแบบเสียงนั้นเพื่อกระตุ้นการโต้ตอบ - เล่นเกมคำศัพท์:
ใช้ของเล่นหรือสิ่งของในบ้านเพื่อสอนคำศัพท์ เช่น ชี้ไปที่ลูกบอลแล้วพูดว่า “บอล” - อ่านหนังสือภาพ:
เลือกหนังสือที่มีคำศัพท์ง่ายๆ และภาพสีสันสดใส - ร้องเพลงเด็ก:
เพลงที่มีจังหวะและคำซ้ำๆ เช่น “จ้ำจี้มะเขือเปราะ” ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ภาษา
4. ความสำคัญของการตอบสนองต่อเสียงของลูก
- สร้างความมั่นใจ:
การตอบสนองของพ่อแม่ช่วยให้ลูกมั่นใจที่จะทดลองเสียงใหม่ๆ - กระตุ้นการเรียนรู้:
ลูกเรียนรู้รูปแบบการสนทนาผ่านการพูดคุยและการตอบโต้ - เสริมสร้างความสัมพันธ์:
การสนทนาอย่างใกล้ชิดช่วยสร้างสายใยความผูกพันระหว่างพ่อแม่และลูก
5. สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
- การเพิกเฉยต่อเสียงของลูก:
หากลูกส่งเสียงแต่พ่อแม่ไม่ตอบสนอง อาจลดแรงจูงใจในการทดลองเสียง - การใช้คำศัพท์ซับซ้อนเกินไป:
เลือกคำที่เหมาะสมกับวัย เพื่อช่วยให้ลูกเข้าใจง่าย - การใช้หน้าจอแทนการพูดคุย:
เด็กเรียนรู้ภาษาได้ดีที่สุดจากปฏิสัมพันธ์กับคนจริงๆ
สรุป
เสียง “อ้อแอ้” เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาภาษาในเด็กทารก ซึ่งนำไปสู่การพูดคำแรกในช่วงปลายปีแรก พ่อแม่มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นและส่งเสริมการเรียนรู้ของลูกผ่านการพูดคุย การเลียนแบบ และการตอบสนองอย่างอบอุ่น การใส่ใจในพัฒนาการทางภาษาของลูกตั้งแต่แรกเริ่มเป็นการวางรากฐานที่แข็งแรงสำหรับทักษะการสื่อสารและการเรียนรู้ในอนาคต