7 โรคต้องระวัง พบบ่อยในเด็กทารกแรกเกิด (ตอนที่ 2)

จากตอนที่แล้วเราได้พูดถึงโรคที่ต้องระวังในเด็กแรกเกิดไปแล้ว 3 โรค ในตอนนี้เรามาต่ออีก 4 โรคที่เหลืออะไรเลยว่ามีโรคอะไรบ้าง และรุนแรงมากแค่ไหน

4.ภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนแต่กำเนิด

ฮอร์โมนไทรอยด์นั้นมีหน้าที่สำคัญช่วยทำให้ร่างกายเจริญเติบโต และช่วยในเรื่องพัฒนาการทางสมอง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ร่างกายทารกเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์นั้น อาจเกิดจากต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ หรืออีกสาเหตุหนึ่งที่พบได้บ่อยคือ คุณแม่ได้รับสารไอโอดีนไม่เพียงพอในขณะตั้งครรภ์ โดยคุณแม่สามารถสังเกตอาการผิดปกติในทารกแรกเกิดได้ เช่น กระหม่อมหลังมีขนาดใหญ่กว่าปกติ นอนหลับมากกว่าปกติ ดูดนมได้ไม่ดี สำลักนมบ่อย และเมื่อเด็กโตขึ้น อาการที่แสดงออกก็มากขึ้น เช่น ลิ้นโตคับปาก สะดือจุ๋น ท้องป่อง ผิวลาย ตัวเหลือง น้ำหนักขึ้นน้อย เป็นต้น ดังนั้นถ้าพบว่าลูกมีความผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา เพราะถ้าปล่อยไว้จะมีผลต่อการเจริญเติบโต และระดับสติปัญญาของลูก

5.โรคปากแหว่งเพดานโหว่

โรคที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน เนื่องจากเป็นความพิการบนใบหน้า โดยอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคทางพันธุกรรม การขาดสารอาหารในขณะตั้งครรภ์ การใช้ยาบางชนิด เป็นต้น ซึ่งโรคปากแหว่งเพดานโหว่นั้น ส่งผลกระทบทำให้เด็กไม่สามารถดูดนมแม่ได้ตามปกติ จึงเจริญเติบโตช้า นอกจากนี้เด็กยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อที่หูชั้นกลางมากขึ้น ทำให้การได้ยินไม่ค่อยดี รวมทั้งมีปัญหากับการสื่อสาร ทำให้พูดไม่ชัด โดยการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดก็จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ดังนั้นขณะตั้งครรภ์คุณแม่ควรดูแลสุขภาพให้ดี ทานวิตามินตามที่แพทย์สั่ง และควรงดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแฮลกอฮอล์

6.ภาวะแขนขาพิการแต่กำเนิด

ภาวะแขนขาพิการแต่กำเนิด ถือเป็นความผิดปกติของแขนขาทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ 3 เดือนแรก ซึ่งอยู่ในช่วงที่ร่างกายกำลังสร้างอวัยวะ โดยเมื่อหลังคลอดออกมาสามารถสังเกตได้ถึงความผิดปกตินี้ เช่น แขนขาขาด มือและเท้าผิดปกติ ซึ่งสาเหตุนั้นเกิดขึ้นได้หลากหลาย เช่นการใช้ยา การติดเชื้อในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เป็นต้น ส่วนวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแขนขาพิการนั้น ยังไม่มีวิธีที่ชัดเจน ดังนั้นคุณแม่จึงควรใส่ใจสุขภาพในขณะตั้งครรภ์ และทานกรดโฟลิคทุกวันตามที่แพทย์สั่ง

7.ภาวะน้ำคลั่งในสมองแต่กำเนิด

เมื่อน้ำหล่อเลี้ยงในสมองมีมากจนเกินไป เพราะไม่สามารถดูดซึมกลับไปเข้าสู่ร่างกายได้ จึงทำให้ศีรษะโต ส่งผลให้สมองทำงานผิดปกติ ทำให้พัฒนาการด้านร่างกายและสติปัญญาบกพร่อง โดยอาการที่แสดงให้เห็นชัดนอกจาก ศีรษะมีขนาดใหญ่แล้ว ทารกก็จะมีหนังศีรษะบาง ตากลอกลงล่างขึ้นบนไม่ได้ หายใจผิดปกติ พัฒนาการล่าช้า และร่างกายไม่เจริญเติบโต สำหรับการรักษาอาจต้องใช้การผ่าตัดเพื่อใส่สายช่วยระบายน้ำเลี้ยงในสมองและไขสันหลัง หรือผ่าตัดโพรงสมอง ตามวิจารณญาณของแพทย์ ต่อไป

7 โรคที่พบบ่อยเหล่านี้ ถ้าคุณแม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ควรรีบฝากครรภ์ ดูแลสุขภาพโดยทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ก็จะช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคเหล่านี้ต่อลูกน้อยได้

 

You may also like

Share via