อันตรายที่ต้องระวัง จากการกินยาขับน้ำคาวปลา หลังคลอด
แม้จะมีคำเตือนจากแพทย์ว่า การกินยาขับน้ำคาวปลานั้น ส่งผลร้ายต่อสุขภาพของผู้เป็นแม่และลูก แต่ด้วยความเชื่อแบบโบราณที่ว่าการกินยาขับน้ำคาวปลาจะช่วยให้มดลูกแห้ง และเข้าอู่ได้เร็ว จึงทำให้คุณแม่หลายคนอาจยังลังเล ดังนั้นมาหาคำตอบกันสิว่า การกินยาขับน้ำคาวปลานั้น จะมีอันตรายมากน้อยแค่ไหน
จำเป็นต้องกินยาขับน้ำคาวปลาหรือไม่
โดยกลไกของร่างกายแล้ว เมื่อคลอดลูกออกมาจะมีน้ำคาวปลา ซึ่งก็คือของเหลวต่างๆ ทั้งเลือด น้ำเหลือง และเนื้อเยื่อ ซึ่งจะถูกขับออกมาจากโพรงมดลูก โดยในช่วงแรกสีของน้ำคาวปลาจะมีสีแดงสด และสีจะค่อยๆ จางลงไปเรื่อยๆ จนหมดไปเองจากร่างกายภายใน 4-6 สัปดาห์ ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องกินยาขับน้ำคาวปลา เพราะยาขับน้ำคาวปลาอาจทำให้คุณแม่เสียเลือดมากขึ้น และยังส่งผลต่อสุขภาพอีกด้วย
อันตรายจากการกินยาขับน้ำคาวปลา
ส่วนใหญ่แล้วในยาขับน้ำคาวปลา มักประกอบไปด้วยสมุนไพรต่างๆ ซึ่งไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าปลอดภัยหรือได้รับการรับรองจากหน่วยงาานอาหารและยาหรือไม่ จึงส่งผลต่อร่างกาย ทำให้เกิดความผิดปกติต่างๆ ขึ้นได้ ดังต่อไปนี้
1.ตกเลือด
ตัวยาในยาขับน้ำคาวปลา อาจออกฤทธิ์ทำให้เลือดออกมากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายของคุณแม่เสียเลือดมาก จนอาจช็อก หมดสติ และเสียชีวิตได้ในที่สุด
2.ผลต่อสมองลูก
เมื่อแม่กินยาขับน้ำคาวปลาที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ด้วยเข้าไป จะทำให้แอลกอฮอล์นั้นผ่านมาออกมาในน้ำนมแม่ และเมื่อลูกดูดนมจึงได้รับแอลกอฮอล์ตามไปด้วย โดยแอลกอฮอล์นั้นส่งผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้เด็กมีอาการง่วงซึม สมองจึงไม่ได้รับการกระตุ้นเท่าที่ควร จึงมีพัฒนาการที่ล่าช้าและอาจร้ายแรงจนถึงขั้นปัญญาอ่อนได้
3.เสี่ยงต่อโรคตับ
แอลกอฮอล์ยังออกฤทธิ์ทำลายตับอีกด้วยเมื่อคุณแม่กินยาขับน้ำคาวปลาติดต่อกัน ซึ่งไม่เพียงแต่ตับของคุณแม่ แต่ยังเสี่ยงต่อลูก ทำให้ลูกมีโอกาสเป็นโรคตับ ดังนั้นจึงไม่ควรกินยาขับน้ำคาวปลาในช่วงให้นมอย่างเด็ดขาด
4.เลือดออกตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
การดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้การทำงานของตับผิดปกติ ซึ่งส่งผลต่อการสร้างสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว แม้ว่าจะมีแอลกอฮอล์ในยาขับน้ำคาวปลาไม่มากก็ตาม โดยอาจส่งผลให้ลูกน้อยเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
5.น้ำนมน้อย
เมื่อลูกดูดนมบ่อยๆ ทำให้มดลูกเกิดการบีบตัว จึงช่วยขับน้ำคาวปลาออกมาได้มาก ดังนั้นการกินยาขับน้ำคาวปลา จะทำให้น้ำนมไหลออกน้อยลง และไม่เพียงพอให้ลูกดูด